ป้ายกำกับ

หัวเว่ย ประเทศไทยคว้ารางวัล Prime Minister Award ‘สุดยอดองค์กรดีเด่นด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์’ สะท้อนความมุ่งมั่นการเสริมแกร่งบุคลากรดิจิทัล

 

มิถุนายน พ.ศ. 2566 – บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด คว้ารางวัล Prime Minister Award ด้าน สุดยอดองค์กรดีเด่นด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์’ (Best of Contributor in Human Capital Development Award) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของหัวเว่ยจากการเร่งขับเคลื่อนหลากหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านอีโคซิสเต็มของเทคโนโลยี 5G คลาวด์ และด้านความยั่งยืน ทั้งนี้ หัวเว่ย คือบริษัทชั้นนำระดับโลกเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัล โดยมี นาย เดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แทนรับรางวัลจากนาย ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในพิธีมอบรางวัลที่บริษัทชั้นนำหลายแห่งต่างได้รับการเชิดชูเกียรติจากความมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางด้านบุคลากรในภูมิภาคอาเซียน


จากข้อมูลในสมุดปกขาวด้านการพัฒนาบุคลากรดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งร่วมจัดทำขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหัวเว่ยได้มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านดิจิทัลถึง 500,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2573 จากข้อมูลด้งกล่าว หัวเว่ยได้ตระหนักถึงความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมและภาคสังคมในด้านนี้ จึงได้ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและโครงการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและอีโคซิสเต็มด้านไอซีทีในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจของหัวเว่ยในการปลดล็อคศักยภาพดิจิทัลเพื่อมอบชีวิตที่ดีขึ้น สร้างบุคลากรดิจิทัลเพื่อประเทศไทยที่ดีขึ้น ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และฟูมฟักทักษะดิจิทัลเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยเพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว หัวเว่ย ประเทศไทย ได้เปิดตัวโครงการต่างๆ หลายโครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการ “Huawei ASEAN Academy (ประเทศไทย)” ในปี พ.ศ. 2562 แพลตฟอร์มซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นผู้นำ อาชีพ การศึกษาสายอาชีวะ และความเท่าเทียม โครงการดังกล่าวได้จัดการฝึกอบรมเรื่องความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล การเรียนรู้ภาคปฏิบัติ และช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรไอซีทีซึ่งเป็นที่ต้องการจากภาคอุตสาหกรรม ตามเป้าหมายด้านการสร้างบุคลากรไอซีทีในประเทศไทยให้ถึง 100,000 คน ภายในเวลา ปี ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งโครงการนี้ได้ฝึกอบรมผู้เข้าร่วมไปแล้วกว่า 73,000 คน จากมหาวิทยาลัย 40 แห่ง และสร้างประโยชน์ให้แก่โครงการต่างๆ ในประเทศไทยมากกว่า 100 โครงการ

 



นาย เดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรางวัลดังกล่าวและวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของหัวเว่ยตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและตอบแทนสังคมไทยตามพันธกิจ เติบโตพร้อมกับประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย (Grow in Thailand, Contribute to Thailand) หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะวางรากฐานอันมั่นคงเพื่อบ่มเพาะอีโคซิสเต็มบุคลากรดิจิทัลที่รุ่งเรือง เพื่อเสริมสร้างรากฐานแรงงานที่มีศักยภาพในการแข่งขันด้าน 5G คลาวด์ และอุตสาหกรรมดิจิทัลพาวเวอร์สำหรับประเทศ”




ในฐานะพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ หัวเว่ยและสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้สนับสนุนเรื่องการบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะมาอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2562 หัวเว่ยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการพัฒนาสังคมที่มีนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบ่มเพาะนิสิตนักศึกษา สตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี ขับเคลื่อนกระบวนการการฟูมฟักและเร่งการเติบโตองค์กรประเภทสตาร์ทอัพ เช่นเดียวกับการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพด้านการขยับขยายธุรกิจของพวกเขาในอนาคต เพื่อผลักดันประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลในอาเซียน

 

เพื่อสนับสนุนประเทศไทยบนเส้นทางของการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านบุคลากรในภูมิภาคอาเซียน หัวเว่ย ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากรผู้มีทักษะดิจิทัลหลากหลายโครงการตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี พ.ศ. 2551 หัวเว่ยริเริ่มโครงการ ‘Seeds for the Future’ ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลและการศึกษาดูงานเชิงวัฒนธรรมสำหรับเยาวชนผู้มากความสามารถ ในปี พ.ศ. 2558 หัวเว่ยได้เปิดตัวการแข่งขันด้านไอซีทีในระดับโลก ซึ่งตั้งเป้าเพื่อเชื่อมต่อและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนและเยาวชน ผ่านการส่งมอบการฝึกอบรม มอบประกาศนียบัตร และมหกรรมจัดหางาน ในประเทศไทย โครงการการแข่งขันดังกล่าวได้สร้างประโยชน์ให้แก่นักเรียนคุณภาพมากกว่า 1,000 คน จากมหาวิทยาลัยกว่า 30 แห่ง และตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ. 2565 เป็นต้นมา หัวเว่ยยังได้เปิดตัวโครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคม เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีไอซีทีให้แก่นักเรียนและคนงานกว่า 3,000 คน ในพื้นที่ต่างจังหวัด

 

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ตั้งเป้าในปี พ.ศ. 2566 ในการพัฒนาวิศวกรด้านความยั่งยืนให้ได้ถึง 10,000 คน และนักพัฒนาด้านคลาวด์จำนวน 20,000 คนภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวิสัยทัศน์ของบริษัทในการสนับสนุนประเทศไทยอัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ มุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่มีความยั่งยืน




 

รางวัล Prime Minister Award ซึ่งหัวเว่ยได้รับในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สาม โดยในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยได้รับเกียรติจากการได้รางวัล Special Prime Minister Award ในด้าน “Digital International Corporation of the Year” ในปี พ.ศ. 2565 หัวเว่ย ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยข้อมูล ซึ่งทำให้บริษัทได้รับรางวัลความปลอดภัยทางไซเบอร์ “Prime Minister Awards – Thailand Cybersecurity Excellence Award 2022” จากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)

Spotify ร่วมเฉลิมฉลองเหล่าศิลปิน LGBTQIA+ ตลอดปี ด้วยเพลย์ลิสต์ GLOW Thailand

 

29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 – Spotify ผู้นำด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลก เปิดตัว ‘GLOW’ โปรเจ็คเพลย์ลิสต์ระดับโลกที่ร่วมสนับสนุนศิลปิน LGBTQIA+ อย่างต่อเนื่อง โดยแฟนเพลงสามารถร่วมเฉลิมฉลองไปกับเหล่าศิลปิน ผู้สร้างคอนเทนต์ เพลย์ลิสต์ และพอดแคสต์ของคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ พร้อมกับ Spotify ได้ตลอดทั้งปี ไม่จำกัดแค่ในเดือนมิถุนายน หรือ Pride Month เท่านั้น

นอกจากนี้ Spotify ยังขอรับบทเป็นกระบอกเสียงให้แก่เหล่าศิลปิน LGBTQIA+ ไทย ผ่านเพลย์ลิสต์ GLOW Thailand ด้วยการเปิดตัวศิลปิน 4MIX ขึ้นปก พร้อมอัดแน่นผลงานเพลงสุดปังจากศิลปิน LGBTQIA+ มากความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ SilvySarah Salolaและ Patcha

“Spotify มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเสียงของศิลปินเควียร์ (queer) ทั้งในช่วงเดือน Pride Month และเดือนอื่นๆ ตลอดทั้งปี เนื่องจากเราต้องการยกย่องผลงานสุดพิเศษจากคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ ทั้งในด้านงานดนตรีและด้านวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์” คุณปิโยรส หลักคำ บรรณาธิการดนตรีอาวุโส Spotify ประเทศไทย กล่าว “พลังเสียงและความสามารถอันเปี่ยมล้นของศิลปิน LGBTQIA+ ทำให้ Spotify ต้องการสร้างพื้นที่ให้ศิลปินทุกท่านได้รับการยอมรับ และมีอิสระในการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างเต็มที่

4MIX บอยแบนด์ LGBTQIA+ วงแรกของไทย ที่สร้างกระแสแรงเกินต้านจากตลาดต่างประเทศ ด้วยเพลง HI YA YA (แค่มีเธอและยังได้รับเลือกให้อยู่ในโครงการ GLOW และในเพลย์ลิสต์ GLOW Thailand ได้กล่าวถึงความหมายของ Pride ว่า “พวกเราคิดว่า Pride คือ การให้เกียรติมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองและผลงานของพวกเขา เรารู้สึกชื่นชมศิลปิน LGBTQIA+ หลายคนที่ออกมาสนับสนุนความเท่าเทียมกันในสังคม” 

4MIX ยังเรียกร้องให้ผู้ฟังสนับสนุนศิลปิน LGBTQIA+ ผ่านพลังแห่งเสียงเพลงว่า “เราเชื่อว่า 4MIX สามารถเปล่งประกายให้ทุกคนได้ ไม่เพียงแค่นั้น เรายังมอบความรักให้ทั้งแฟนเพลงชาวไทยและต่างชาติที่เปิดใจรับฟังเพลงของเรา เรายังมองว่า Spotify เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แฟนเพลงได้สนับสนุนศิลปินคนโปรด และศิลปินเองก็ได้แสดงความสามารถและโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ เพราะทุกความสามารถก็ถือเป็นงานศิลปะเช่นกัน



Silvy ศิลปินชื่อดังที่ได้รับการยกย่องในประเทศไทยจากการเป็นกระบอกที่เสียงสนับสนุนคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ ในทวีปเอเชีย ได้สะท้อนมุมมองจากเพลง Is it you? (เธอใช่มั้ย?) ที่ได้รับเลือกให้อยู่ในโครงการ GLOW และเพลย์ลิสต์ GLOW Thailand ว่า “สิ่งที่ทำให้เราเปล่งประกายคือความมั่นใจ เมื่อคุณรักตัวเองและรู้ว่าคุณไม่เหมือนใครบนโลกใบนี้ มันจะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ และทำให้คุณเปล่งประกายได้ในแบบฉบับของตัวเอง เราคิดว่าการสนับสนุนคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ ตลอดทั้งปีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกคนควรได้รับการปฏิบัติและความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Silvy ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนศิลปินของ Spotify ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ออกเดินทางเหินฟ้าสู่นครนิวยอร์ก เฉลิมฉลองที่งานอีเวนต์ GLOW ในค่ำคืนแห่งดนตรีเพื่อยกย่องบรรดาผู้สร้างคอนเทนต์จากคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ จากทั่วโลกบนแพลตฟอร์มของ Spotify ณ ร้าน “3 Dollar Bill” ซึ่งเป็นคลับชื่อดังของชาวเควียร์ ทั้งนี้ Spotify Global ได้เปิดพื้นที่ให้ทุกคนที่มาร่วมงานได้มีอิสระอย่างที่เป็น (Free To Be) ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของโครงการ GLOW ที่มีรากฐานมาจากความเท่าเทียมกันในสังคม

GLOW Thailand ถือเป็นเพลย์ลิสต์ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของศิลปิน LGBTQIA+ ชาวไทยมากความสามารถ รังสรรค์ดนตรีอันน่าตื่นตาตื่นใจสอดประสานไปกับเนื้อเพลงคมกริบที่สะท้อนถึงเส้นทางชีวิต การต่อสู้ดิ้นรน ความรัก ชัยชนะ และเสรีภาพในการแสดงออก แฟนเพลงสามารถฟังเพลย์ลิสต์ GLOW Thailand ของ Spotify ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าคุณจะใช้แพ็คเกจแบบฟรีหรือแบบพรีเมียมก็ตาม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจับมือเครือซีพี และทรูมันนี่ เตรียมนำเสนอระบบและเทคโนโลยี ยกระดับความปลอดภัยทางการเงินคนไทย

 

เมื่อเร็วนี้ๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ถึงความคืบหน้าโครงการ “ไซเบอร์วัคซีน”  เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งนอกจากจะมีการร่วมผลิตและเผยแพร่ข้อมูลความรู้กลโกงในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารของเครือซีพีซึ่งมีธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อเตือนภัยทุจริตทางการเงินบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นวัคซีนที่ใช้เป็นภูมิคุ้มกันให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันและรับมือมิจฉาชีพได้โดยไม่ตกเป็นเหยื่อแล้วนั้น ล่าสุด บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนด้านระบบและเทคโนโลยี เพื่อช่วยป้องกันประชาชนจากการตกเป็นเหยื่อถูกทุจริตทางการเงินโดยมิจฉาชีพ

 

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 – 20 พ.ค. 2566) สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1. คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2. คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3. คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4. คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5. คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์

 

ด้านนายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด  เปิดเผยว่า  ทรูมันนี่ ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความตระหนักถึงภัยออนไลน์ที่ถือว่าสร้างความกังวลและความกลัวให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำธุรกรรมบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทรูมันนี่ได้นำเสนอแนวทางเพื่อช่วยเหลือในการติดตามผู้กระทำความผิด หรือกลุ่มของมิจฉาชีพกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ทั้งนี้ ทรูมันนี่ เตรียมสนับสนุนเทคโนโลยีในการทำระบบฐานข้อมูลกลาง (Pool Database) เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่กระทำความผิดด้านการเงิน ที่สามารถใช้ตรวจสอบและวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง  โดยหากระบบดังกล่าวแล้วเสร็จ ก็จะช่วยมอบการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในรูปแบบใหม่แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงองค์กรอื่นๆ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก





นอกจากนี้ ทรูมันนี่ยังมีแผนจัดสัมมนาโดยได้ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ให้กับประชาชนอีกด้วย

 

โดยที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้นตลอดเส้นทางการทำธุรกรรม  ด้วยการกำหนดให้ใช้ฟีเจอร์สแกนหน้าเพื่ออนุมัติรายการโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

โดยก่อนหน้านี้ ทรูมันนี่ ได้พัฒนาและนำระบบสแกนหน้าที่ใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ (Biometric) หรือการอ่านข้อมูลชีวมิติเพื่อตรวจจับอัตลักษณ์บุคคล ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ZOLOZ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก มาใช้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2565 เพื่อเสริมฟีเจอร์และบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลากหลายการใช้งานของทรูมันนี่

 

โดยในระบบความปลอดภัย TrueMoney Secure ในปัจจุบันนั้นครอบคลุมถึงการเรียกยืนยันตัวตนผ่านระบบสแกนใบหน้าเมื่อมีการใช้งานบัญชีบนอุปกรณ์ใหม่ และเมื่อระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติการตรวจสอบ แจ้งเตือน และหยุดธุรกรรมแปลกปลอมในทันที,  การแจ้งเตือนและปิดกั้นการล็อกอินแบบรีโมทจากอุปกรณ์อื่น เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่สวมรอยเข้าถึงอุปกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บัญชี  และให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 รับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือศูนย์ PCT 081-866-3000 ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

"หัวเว่ย"ต่อยอดโครงการ ‘Girls in ICT’ ยกระดับทักษะเยาวชนสตรีใน 5G ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และคลาวด์

 


หัวเว่ยร่วมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หนุนศักยภาพผู้หญิงไทยในอุตสาหกรรมไอซีที ต่อยอดโครงการ ‘Girls in ICT’ ยกระดับทักษะเยาวชนสตรีใน 5G ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และคลาวด์


บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ให้บริการโซลูชันไอซีทีชั้นนำระดับโลก ทุ่มสุดตัวผลักดันความร่วมมือกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union ITU) สู่การบ่มเพาะบุคลากรไอซีทีและหนุนศักยภาพเยาวชนไทยผ่านโครงการ ‘Girls in ICT Day’ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อผลักดันให้เยาวชนสตรีในประเทศไทย ได้ยกระดับทักษะดิจิทัลผ่านการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มุ่งเน้นความด้านเทคโนโลยี 5G ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และคลาวด์ โดยโครงการนี้จะได้รับการต่อยอดเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ ‘Seeds for the Future’ ที่มีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะบุคลากรดิจิทัลจำนวนกว่า 20,000 คนในประเทศไทยภายในช่วงเวลา ปี

 




เพื่อสอดรับกับความมุ่งมั่นของหัวเว่ย ด้านการปลูกฝังทักษะบุคลากรดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย นางสาว ซีลีน เฉา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจคลาวด์ของหัวเว่ย ได้เน้นย้ำความสำคัญของโครงการ ‘Girls in ICT Day’ ว่า “หัวเว่ย ประเทศไทย ได้ผนึกกำลังร่วมกับหลากหลายหน่วยงาน รวมถึงสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานไอซีทีสู่ตลาด และเสริมศักยภาพเยาวชนสตรีในอุตสาหกรรมไอซีที โดยจะสามารถนำไปสู่การยุติความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในประเทศไทยในอนาคต ความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้นการฝึกอบรม ที่จะช่วยจุดประกายให้เยาวชนสตรีหันมาสนใจศึกษาต่อในสาขา STEM, 5G, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเทคโนโลยีคลาวด์ ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้จากบุคลากรหญิงผู้คร่ำหวอดในวงการไอซีที ตามแนวคิด เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยสตรี เทคโนโลยีสำหรับสตรี และเทคโนโลยีที่อยู่คู่สตรี (Tech by her, tech for her, tech with her’) โดยในยุคดิจิทัล การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและมุมมองของผู้หญิงจะเป็นกุญแจปลดล็อกสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ แก่ทุกคน และหัวเว่ยจะมุ่งเน้นบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนหลัก เพื่อยกระดับทักษะบุคลากรดิจิทัลและปลูกฝังทักษะไอซีทีในกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศ”




 

สำหรับโครงการนี้ หัวเว่ยจัดกิจกรรมและการฝึกอบรมหลากหลาย ทั้งด้านความรู้องค์รวมของเครือข่าย 5G, ความรู้พื้นฐานเครือข่ายโทรคมนาคมคลาวด์ คอมพิวติ้ง และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ตลอดจนได้จัดนิทรรศการในการแสดงผลงานดิจิทัล, การสัมมนาเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพในอุตสาหกรรมไอซีที, การประกาศรางวัลโครงการ ‘Seeds for The Future’ และเปิดโอกาสให้เยี่ยมชมสำนักงานของหัวเว่ย โดยโครงการนี้นับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญไปสู่เป้าหมายของหัวเว่ย ประเทศไทยในการเร่งผลิตบุคลากรดิจิทัลในประเทศ โดยมีเป้าหมายฝึกอบรมบุคลากรด้านเทคโนโลยีคลาวด์ 10,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลพาวเวอร์ 10,000 คน ภายใน ปี นอกจากนี้ หัวเว่ยมุ่งฝึกอบรมคนไทย 2,000 คน ผ่านโครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคม (Digital Bus) เพื่อสังคมและเสริมศักยภาพเยาวชนรุ่นใหม่ผ่านโครงการเรือธงอย่าง ‘Seeds for The Future’ ที่จัดขึ้นทุกปี




การฝึกอบรม ‘Girls in ICT Day’ จะช่วยส่งมอบโอกาสให้กับนักเรียน ทั้งเยาวชนหญิงและชายที่อยู่ในกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดสมุทรปราการและอุทัยธานีจำนวน 42 คน ที่ได้เข้าร่วมในการฝึกอบรมออนไลน์  โดยการฝึกอบรมจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะถูกพัฒนาให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Seeds for The Future’ ในปี พ.ศ. 2566 ในลำดับต่อไป

 

ในปี พ.ศ. 2565 หัวเว่ยได้ประกาศการผนึกกำลังกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในงาน ‘Walk into ICT Industry’ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันล่าสุด โดยมีนักศึกษากว่า 20 คนจากทั่วประเทศได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมและการเรียนรู้ (Customer Solution Innovation & Integration Experience Center หรือ CSIC) ของหัวเว่ยในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และเข้าฝึกอบรมทักษะดิจิทัลจากสถาบันหัวเว่ย อาเซียน อะคาเดมี่ (Huawei ASEAN Academy) นอกจากนี้ หัวเว่ยและ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ยังจัดกิจกรรม ‘Seeds for the Future’ Asia Pacific ซึ่งยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาไทย 10 คนเข้าค่ายเทคโนโลยีและร่วมการแข่งขัน tech4good ในระดับนานาชาติอีกด้วย





หัวเว่ยต้องการตอกย้ำการสนับสนุนความเสมอภาคและยอมรับความหลากหลายของทั้งชายและหญิง โดยใช้โอกาสในวัน International Girls in ICT Day 2023 เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนสนับสนุนโครงการ "Girls in ICT" อันเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศนี้หัวเว่ยได้ตอบรับกับคำมั่น ทักษะดิจิทัลเพื่อการใช้ชีวิต จึงวางแผนที่จะนำเสนอการฝึกอบรมและคอร์สเรียนการสอนพิเศษในด้านเทคโนโลยี สำหรับกลุ่มผู้หญิงในวัยเยาวชนและผู้ใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยจะตอบรับด้วยการตั้งเป้าเสริมศักยภาพบุคลากรแต่ละคน ลดความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล การเชื่อมต่อ และแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่อนาคตดิจิทัล สู่ยุคอัจฉริยะที่ทุกคนเชื่อมถึงกันอย่างสมบูรณ์แบบ

 

เพื่อให้สอดคล้องกับความพยายามในการสร้างการตระหนักรู้และส่งเสริมบทบาทของเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน หัวเว่ยรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เปิดตัวโครงการ "Women in Tech" ซึ่งเป็นรถบัสดิจิทัลสำหรับสาธารณชนเป็นครั้งแรก นิทรรศการครั้งนี้จะนำเสนอให้เห็นว่าเทคโนโลยีจะช่วยส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ด้วยการจัดแสดงโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งหัวเว่ยยังมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนและองค์กรต่างๆ ในการนำเอาแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งยกระดับเทคโนโลยีเพื่อสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

TCL เปิดตัวทีวี Mini LED QLED พร้อมซาวด์บาร์และอุปกรณ์สมาร์ทโฮม มอบความบันเทิงสุดเร้าใจ



TCL เปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ เครื่องเสียงซาวด์บาร์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า เพื่อผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยกระดับประสบการณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

 




สร้างอาณาจักรความบันเทิงแห่งใหม่ด้วย ทีวี ซีรีส์ และซาวด์บาร์ล่าสุดจาก TCL


ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีจอทีวี ผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมทีวี Mini LED  TCL ภูมิใจเปิดตัว TCL C845 ทีวี Mini LED ศูนย์รวมความบันเทิงเหนือชั้นพร้อมด้วยเทคโนโลยีทีวี Mini LED รุ่นล่าสุด มอบประสบการณ์ภาพที่ดีกว่าเดิม ด้วยค่าคอนทราสต์ที่สร้างความคมชัดสูง ลดการกระจายแสง พร้อมความสว่างสูงสุด และสม่ำเสมอกว่าเดิม


TCL C845 สร้างมาตรฐานคุณภาพของภาพและเสียงที่โดดเด่น รวมถึงการทำงานของซอฟต์แวร์ ที่มอบสมรรถนะเป็นเลิศในการใช้งาน เทคโนโลยี TCL Mini LED มาพร้อมหน่วยประมวลผล AiPQ Processor 3.0 ที่มอบอัลกอริธึ่มของภาพเต็มคุณภาพ จึงมอบคุณภาพของภาพที่โดดเด่น  ด้วยความสว่างสูงสุด 2000 นิตส์ และค่าคอนทราสต์ที่เหนือกว่า ทำให้เป็นทีวีครบเครื่องอีกหนึ่งรุ่นของ TCL นอกจากนี้ ด้วย Game Master 2.0 HDMI 2.1 ALLM, 144Hz VRR, FreeSync Premium Pro, TCL Game bar, 240Hz Game Accelerator และ HDR formats ใหม่ล่าสุด  (พร้อมด้วย HDR10+, HLG, Dolby Vision, Dolby Vision IQ) ทำให้ ทีวี Mini LED รุ่นล่าสุดนี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ กีฬา เกม คุณภาพ HDR  ทั้งนี้ TCL C845 มีจำหน่ายแล้วในขนาด 55 นิ้ว 65 นิ้ว 75 นิ้ว และ 85 นื้ว


TCL สร้างสรรค์สองผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ QLED เริ่มจาก TCL C745 ทีวี QLED 4K ซึ่งผสาน QLED กับเทคโนโลยี Full Array Local Dimming (รองรับการหรี่แสงเฉพาะจุดจำนวนมาก ทำให้ควบคุมแบคไลท์ได้แม่นยำ) และ 144Hz VRR เพื่อภาพระดับ HDR ที่นุ่มนวลคมชัด และสีสันสดใส TCL C745 มาพร้อม Game Master 2.0 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เกมของคุณ TCL C745 จึงเป็นทีวีที่ดีที่สุดสำหรับคอเกม โดยวางจำหน่ายในขนาด 55 นิ้ว 65 นิ้ว และ 75 นิ้ว


นอกจากนี้ ทีวีรุ่น C645 ของ TCL เป็นทีวี QLED ที่ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยี QLED มอบสีสันดั่งชมภาพยนตร์ ด้วยเฉดสีนับล้าน ด้วย Game Master, FreeSync, และรองรับ HDR ฟอร์แมทล่าสุด (รวมถึง HDR10+, Dolby Vision), ทีวีรุ่นนี้จึงคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการความบันเทิงภายในบ้านแบบอินเตอร์แอคทีฟคุณภาพสูง วางจำหน่ายในขนาดหน้าจอ 43 นิ้ว 50 นิ้ว 55 นิ้ว 65 นิ้ว 75 นิ้ว 85 นิ้ว


TCL ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ TCL XL นำประสบการณ์ระดับโรงภาพยนตร์มาไว้ที่บ้าน โดยไม่ลดทอนรายละเอียด


TCL ขอแนะนำซาวด์บาร์รุ่นล่าสุดมาพร้อมศักยภาพเหนือชั้นของระบบเสียงรอบทิศทาง ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ทั้งภาพและเสียงระดับโรงภาพยนตร์เมื่อใช้คู่กับทีวีของ TCL


###

 



เพลิดเพลินกับชีวิตที่สบายมากขึ้น สุขภาพดียิ่งขึ้น ด้วยเครื่องปรับอากาศ TCL


TCL พัฒนาเครื่องปรับอากาศจากเพียงแค่เครื่องทำความเย็น  ไปสู่การเป็นเครื่องปรับอากาศล้ำยุคที่สามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ด้วยฟังก์ชันการทำงานอัจฉริยะ พร้อมคุณประโยชน์ทางสุขภาพในทุกผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศของ TCL


เครื่องปรับอากาศซีรีส์ GentleCool ผนวกฟังก์ชันการทำงานที่ทรงพลัง เพื่อรังสรรค์บรรยากาศผ่อนคลาย สะอาด เย็นสบาย ให้กับที่พักอาศัย ปีนี้เครื่องปรับอากาศ GentleCool มาพร้อมรูปโฉมใหม่นำเสนอแนวคิดการออกแบบที่สะท้อนความกลมมนของท้องฟ้า และรูปทรงสี่เหลี่ยมสะท้อนความหนักแน่นของผืนโลก



 
          นอกจากนั้น TCL ยังอัพเกรดเครื่องปรับอากาศรุ่น FreshIn Series ใหม่โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายที่สอดคล้องกับสุขภาพ โดยตั้งเป้าวางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายในเร็ว ๆ นี้ โดยเทคโนโลยี FreshIN+ (เฟรชอินพลัส) รุ่นล่าสุดจะมีฟังก์ชันหมุนเวียนอากาศ (breathing) ซึ่งไม่เพียงแต่จะนำอากาศสดใหม่เข้ามาภายในบ้าน แต่ยังถ่ายเทอากาศที่ใช้แล้วออกสู่ภายนอก เพื่อให้บรรยากาศภายในสดชื่นและสบายอยู่เสมอ ทั้งยังมอบความชาญฉลาดและการใช้งานง่ายตอบสนองได้ทันที (intuitive) ด้วยเซนเซอร์ที่ฝังมาในเครื่อง ช่วยตรวจจับอนุภาคสารประกอบอินทรีย์ (TVOC: Total Volatile Organic compounds) ในอากาศ โดยแสดงผลแบบเรียลไทม์บนแดชบอร์ด ทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นยิ่งขึ้น

 



ตู้เย็น Free Build-In พร้อมระบบทำความเย็นอัจฉริยะ


ตู้เย็น TCL รุ่น Free Build-In รุ่นล่าสุด มาพร้อมกับ 3 สุดยอดเทคโนโลยี และดีไซน์ที่ล้ำสมัย


ตู้เย็น TCL รุ่น C521CD เป็นตู้เย็นที่เหมาะสำหรับ Build-In อย่างมาก เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดี ไม่มีความร้อนสะสม โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างด้านข้างตู้เย็น เพื่อระบายความร้อน จึงทำให้สามารถ Build-In ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ด้วยประตูบานพับที่เรียบสนิท และประตูตู้เย็นที่บางเฉียบ จึงทำให้ดีไซน์หรูหรา โฉบเฉี่ยว และไร้รอบต่อ และตู้เย็น TCL รุ่น C521CD ยังมีการใช้ฉนวนชนิดบางพิเศษ แต่ความหนาแน่นสูง จึงสามารถเพิ่มความจุให้กับตู้เย็นได้มากขึ้นอีกด้วย


ด้วย 3 เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ ทำให้ตู้เย็น TCL รุ่น Free Build-In นั้นสามารถเข้ากับครัวสุดโปรดของคุณได้อย่างลงตัว โดยมีช่องว่างด้านข้างเพียงแค่ 0.4 เซนติเมตรเท่านั้น


นอกจากนี้ ตู้เย็น TCL ซีรีส์ Intelligent Fresh ยังมีฟังก์ชันอัจฉริยะต่าง ๆ ที่ช่วยควบคุม และรักษาอุณหภูมิความเย็นอย่างเหมาะสม ทำให้อาหารคงความสดใหม่ได้ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบกระจายลมเย็นรอบทิศทาง Multi Air Flow System, Twin eco-inverters, AI radar และระบบปล่อยประจุลบอัตโนมัติ หรือ AAT Technology

 





เครื่องซักผ้าคลาส AA ยกระดับงานซักสะดวกสบายมากขึ้น และทำให้การซักผ้าเป็นแค่เรื่องง่ายๆ


เครื่องซักผ้าซีรีส์ P12 ของ TCL ได้ประสิทธิภาพพลังงาน และระดับเสียง คลาส A โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขอบยางที่เคลือบสารป้องกันเชื้อโรค และแบคทีเรีย ช่วยยกระดับงานซัก รวมไปถึงมีนวัตกรรมซักด้วยไอน้ำร้อน หรือ Steam Wash ที่ใช้ไอน้ำร้อนบริสุทธ์ควบคู่ไปกับการซักปกติ ช่วยกำจัดเชื้อโรค, แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ผ้านุ่มฟู สวมใส่สบายอีกด้วย


เครื่องซักผ้า TCL Ecorora รุ่น WT11EPWDG สามารถซัก และอบผ้าได้ในเครื่องเดียว มาพร้อมกับความจุซัก 10 กิโลกรัม และอบแห้ง 7 กิโลกรัม มีสุดยอดเทคโนโลยีด้านความทนทาน และประหยัดพลังงาน อย่าง DD Inverter มอเตอร์ต่อตรง ไร้สายพาน ทำงานเงียบ นิ่ง และประหยัดพลังงาน รวมไปถึงฟังก์ชันสุขภาพอย่าง Steam Wash ที่ช่วยยกระดับงานซักของคุณไปได้อีกขั้นอีกด้วย


เตรียมพบนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคของ TCL ที่จะวางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า (*ฟังก์ชันและคุณสมบัติจะแตกต่างไปในแต่ละประเทศ/ภูมิภาค)