ป้ายกำกับ

เปิดราคาไทย HUAWEI P50 Pro และ HUAWEI P50 Pocket รับศักราชใหม่แห่งการถ่ายภาพที่ทลายทุกขีดจำกัด ผสานความงามและเทคโนโลยีอย่างลงตัว

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัว HUAWEI P50 Pro ที่กลับมาทวงบัลลังก์สมาร์ทโฟนแห่งการถ่ายภาพระดับตำนาน พร้อมการสานต่อความร่วมมือกับ Leica เปิดการเดินทางบทใหม่ของกล้องสมาร์ทโฟน สุนทรียะแห่งดีไซน์ และประสบการณ์รอบด้าน พร้อม HUAWEI P50 Pocket สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ล่าสุดที่เป็นอีกก้าวสำคัญของการผสานความงามและเทคโนโลยี รวมถึงการถ่ายภาพที่อัจฉริยะไว้อย่างลงตัว เปิดราคาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเริ่มต้นกับ HUAWEI P50 Pro ที่ 33,990 บาท และ HUAWEI P50 Pocket ราคาเริ่มต้นที่ 46,990 บาท เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของพร้อมโปรโมชันสุดคุ้มก่อนใครได้แล้วตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2565 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2565 

HUAWEI P50 Pro และ HUAWEI P50 Pocket มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ HUAWEI XD Optics และ XD Fusion Pro Image Engine ซึ่งทำให้รองรับเทคโนโลยี True-Chroma Shot ผสานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพื่อเก็บตกรายละเอียดได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ่ายทอดงานภาพที่คมชัด สมจริง ยกระดับการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนขึ้นไปอีกขึ้น


HUAWEI P50 Pro: Legend Reborn การกลับมาทวงบัลลังก์ของสมาร์ทโฟนเรือธงระดับตำนาน พร้อมความร่วมมือกับ Leica


โดดเด่นด้วยดีไซน์กล้องวงแหวนคู่ที่เป็นเอกลักษณ์
HUAWEI P50 Pro มาพร้อมระบบกล้อง Dual-Matrix Camera ดีไซน์วงแหวนคู่ที่ทั้งแตกต่างและบ่งบอกเอกลักษณ์อย่างชัดเจน มาในสีทอง Cocoa Gold และสีดำ Golden Black ที่ใส่ลูกเล่นตัดขอบทองเล็ก ๆ เน้นความเรียบหรู เลอค่า และทันสมัย HUAWEI P50 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ขอบโค้งมนแบบ 3D หน้าจอใช้งานลื่นไหลและรวดเร็วทันใจด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz และค่า Touch Sampling Rate 300 Hz รองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี ถ่ายทอดรายละเอียดที่สมจริงเต็มคุณภาพของทั้งรูปภาพและคลิปวิดีโอ แถมมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่กลับมีน้ำหนักเบาเพียง 195 กรัม และตัวเครื่องยังคงบางเพียง 8.5 มม.

เทคโนโลยีการถ่ายภาพสุดล้ำที่สานต่อความร่วมมือกับ Leica เก็บโมเมนต์ประทับใจได้คมชัดทุกรายละเอียด
HUAWEI P50 Pro มอบประสบการณ์ภาพถ่ายที่สมจริง ด้วยระบบกล้อง Dual-Matrix Camera ที่ชูความโดดเด่นด้วยกล้องหลัก 4 ตัว ที่ยังคงสานต่อความร่วมมือการพัฒนากล้องสมาร์ทโฟนร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Leica โดยกล้องทั้ง 4 ตัวได้แก่

  • กล้องหลัก 50MP True-Chroma Camera (Color) พร้อมเซ็นเซอร์ multi-spectrum colour temperature sensor 10 ระดับ รับแสงได้มากกว่า HUAWEI P40 Pro ถึง 103% เก็บภาพคมชัด ด้วย Super High-res Image Processing Engine ช่วยให้ได้ภาพถ่ายที่สว่างขึ้น คมชัดขึ้น
  • กล้อง 40MP True-Chroma Camera (Monochrome) เข้ามาช่วยเก็บรายละเอียดภาพจากกล้องหลักให้ครบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
  • กล้อง 64MP Telephoto Camera SuperZoom ถ่ายภาพ Telephoto กับระยะซูมเข้าออกกว้าง 200 เท่า (-0.5x ถึง 100x) ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS ควบคู่กับเทคโนโลยีกันสั่นอัจฉริยะแบบ AIS เก็บทุกความเคลื่อนไหวได้คมชัดยิ่งขึ้น
  • กล้อง 13MP Ultra-Wide Angle Camera พร้อมเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง ที่เก็บภาพได้ 120 องศา พร้อมการถ่ายภาพระยะใกล้เลนส์มาโครระยะห่างจากวัตถุแค่ 2.5 ซม.



กล้องหลักทั้ง 4 ตัวนี้ยังทำงานร่วมกับนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่คอยช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดและสร้างรายละเอียดสุดเนี้ยบขึ้นใหม่ได้ รวมถึงเทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ที่เข้ามายกระดับการเก็บรายละเอียด สี และขอบเขตรายละเอียดของภาพ พร้อมกันนั้นยังมีนวัตกรรม True-Chroma Image Engine ที่ช่วยให้ได้สีที่แม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้ เรียกได้ว่าภาพถ่ายที่ออกมานั้นแทบจะสะท้อนสิ่งที่เห็นได้ด้วยตามนุษย์ นอกจากนี้ HUAWEI P50 Pro ยังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดคมชัดระดับ 4K ด้วยโซลูชัน XD Fusion HDR Video พร้อมความสามารถในการกันสั่นแบบ AIS Pro ช่วยให้ได้งานวิดีโอระดับมืออาชีพ พร้อมกล้องหน้า 13MP True-Chroma Front Camera จับภาพมุมกว้างเซลฟี่แบบกลุ่มได้ครบเต็มจอ สีสันคมชัดสมจริง ด้วย AI ที่ช่วยจัดสรรความลงตัวในภาพให้สมดุลย์แม้ถ่ายภาพคนจำนวนมาก


HUAWEI P50 Pocket: ดีไซน์สุดหรู งามสง่า สอดประสานเทคโนโลยีกับศิลปะสามมิติบนผืนผ้าอย่างกลมกลืน


เผยความงามแห่งแสงและเงา พร้อมกล้อง Dual-Ring Design วงแหวนคู่ระดับตำนาน

HUAWEI P50 Pocket ใช้ดีไซน์กล้องวงแหวนคู่ที่โดดเด่นบนฝาพับ หนึ่งจอ หนึ่งกล้อง มีสองสีให้เลือก คือ สีทอง (Premium Gold) และสีขาว (White) สะท้อนความสว่างไสวและเปล่งประกายระยิบระยับสวยงามดุจประกายเพชร และที่สุดแห่งความงามอันเลอค่ากับ HUAWEI P50 Pocket Premium Edition ที่เกิดจากครั้งแรกของความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและ Iris Van Herpen ดีไซเนอร์ชาวดัชต์ที่มีผลงานการออกแบบในระดับสากล โดยครั้งนี้มาถ่ายทอดลวดลายเส้นโค้งที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติผสานความลงตัวของเทคโนโลยี เชื่อมต่อไปจนถึงดีไซน์โค้งเว้ามีมิติบนกล่องรุ่นพิเศษ ตอกย้ำความพรีเมียม นอกจากนี้ HUAWEI P50 Pocket ยังใช้กลไกบานพับ Huawei Multi-Dimensional Hinge รุ่นใหม่ นวัตกรรมที่เป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ทโฟนจอพับได้ กับการใช้โลหะเหลวที่มีส่วนประกอบหลักจากเซอร์โคเนียม และเหล็กแข็งแรงพิเศษ 2,100 MPa ในการผลิต  ที่ทำให้พับได้เรียบเนียนสนิทไร้รอยต่อ และยังมีความทนทาน มาพร้อมหน้าจอกว้าง 6.9 นิ้ว และแสดงสัดส่วนแบบ Cinematic ที่ 21:9

ระบบกล้อง Ultra Spectrum Camera Matrix ก้าวล้ำอีกระดับสำหรับเทคโนโลยีภาพถ่าย HUAWEI Image™
HUAWEI P50 Pocket มาพร้อมระบบกล้อง Ultra Spectrum Camera Matrix ที่เป็นเทคโนโลยีก้าวล้ำครั้งใหม่ของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องระดับเรือธง 3 ตัวคือ กล้องหลัก 40MP True-Chroma Camera กล้องมุมกว้าง 13MP Ultra Wide Angle Lens เก็บภาพกว้าง 120 องศา และกล้อง 32MP Ultra Spectrum Camera ซึ่งทำงานร่วมกันกับเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics และ True-Chroma Image Engine ยกระดับความสามารถในการรับแสงและเก็บรายละเอียดให้ล้ำไปอีกระดับ ให้ทุกภาพถ่ายโดดเด่นและสมจริงทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Ultra Spectrum Fluorescence Photography ที่สามารถก็บรายละเอียดบางประการที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างแสง UV เป็นต้น

จอทัชสกรีนบนฝาพับที่สะดวกครบครันทุกการใช้งาน


หน้าจอบนฝาพับของ HUAWEI P50 Pocket สามารถแสดงการแจ้งเตือน ตารางประจำวัน ปฏิทิน ควบคุมการเล่นเพลงแสดงสภาพอากาศ และควบคุมฟีเจอร์อื่นๆ ได้อีกมากมายโดยไม่ต้องกางออก พร้อมมีธีมให้เลือกสรรได้ตามความต้องการ และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 40W HUAWEI SuperCharge พร้อมความสามารถในการใช้งานพลังงานอย่างชาญฉลาดให้แบตเตอรี่คงทนใช้งานได้ยาวนาน

ประสบการณ์แบบ Device+ (Super Device) ใช้งานลื่นไหลกับทุกอุปกรณ์ในอีโคซิสเต็ม
HUAWEI P50 Pro และ HUAWEI P50 Pocket มากับระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ที่เน้นดีไซน์เรียบง่ายและประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกและเข้าใจง่าย มีแท็บ Device+ (Super Device) ที่เพิ่มมาใหม่สำหรับการควบคุมการเชื่อมต่อกับหูฟัง แท็บเล็ต แล็ปท็อป สมาร์ทวอทช์ หน้าจออัจฉริยะ ลำโพง และแว่นตาของหัวเว่ย เพื่อใช้งานร่วมกันอย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ แถมยกระดับการวิดีโอคอลระดับ HD ผ่านแอปพลิเคชัน MeeTime ให้รองรับได้สูงสุด 12 ผู้ใช้ต่อครั้ง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการพัฒนาดีไวซ์ให้เชื่อมต่อกันได้แบบไร้รอยต่อกับกลยุทธ์ 1+8+N ซึ่งเลข 1 หมายถึง สมาร์ทโฟน ที่เป็นหัวใจหลัก มาเชื่อมต่อกับ เลข 8 คือ สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ได้แก่ แล็ปท็อป แท็บเล็ต สมาร์ทวอช หูฟังไร้สาย แว่นตา ทีวีหรือหน้าจออัจฉริยะ ลำโพง และรถยนต์ ไปจนถึงตัว N คือ IoT นั่นเอง

สำรวจแอปพลิเคชันยอดฮิตที่คุณคุ้นเคยพร้อมให้บริการแล้วบน HUAWEI AppGallery
ผู้ใช้งาน HUAWEI P50 Pro และ HUAWEI P50 Pocket สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฮิตที่คุ้นเคยได้แล้วจากบน HUAWEI AppGallery แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้บนสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยค้นหาแอปฯ ที่คุณต้องการ ครอบคลุมทั้งหมวดโซเชียล ความบันเทิง ธุรกรรมการเงิน ถ่ายภาพ เกม ชอปปิง และไลฟ์สไตล์ อาทิ LINE, LINE MAN, TikTok, WeTV, Shopee, Lazada, 7-Eleven TH, KPlus, SCB Easy, เป๋าตัง และหมอพร้อม เป็นต้น พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเอกสิทธิ์ของผู้ใช้หัวเว่ยเท่านั้น


HUAWEI P50 Pro วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 33,990 บาท มีให้เลือกทั้งสีทอง Cocoa Gold และสีดำทอง Golden Black พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์สุดคุ้มเมื่อจองสินค้าที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS และ TrueMove H เป็นเจ้าของ HUAWEI P50 Pro ได้ในราคาเริ่มต้น 9,990 บาท เมื่อชำระค่าบริการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2565 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2565 รับฟรี HUAWEI WATCH GT 2 Pro มูลค่า 8,990 บาท พร้อมฟรีแพ็กเกจ HUAWEI Video plus VIP 1 เดือน และฟรี HUAWEI Video Movie Pass 2 ใบ รวมมูลค่า 200 บาท, ฟรีคูปอง HUAWEI Themes 3 เดือน มูลค่า 149 บาท, ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล HUAWEI Mobile Cloud storage 2TB ระยะเวลา 1 เดือน มูลค่า 349 บาท พร้อมบริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าหมดกังวล โดยมอบความคุ้มครองพิเศษ ได้แก่ บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงบ้าน, รับประกันหน้าจอ 1 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน มูลค่า 499 บาท (ไม่รวมค่าแรงและภาษี) และรับทันทีส่วนลด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ HUAWEI Care


HUAWEI P50 Pocket สีขาว White วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 46,990 บาท ส่วน HUAWEI P50 Pocket Premium Edition สีทอง Premium Gold วางจำหน่ายในราคา 57,990 บาท พรีออเดอร์พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS และ TrueMove H เป็นเจ้าของ HUAWEI P50 Pocket ได้ในราคาเริ่มต้น 20,990 บาท เมื่อชำระค่าบริการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2565 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2565 รับฟรี HUAWEI WATCH 3 Active Edition มูลค่า 12,990 บาท พร้อมฟรีแพ็กเกจ HUAWEI Video plus VIP 1 เดือน และฟรี HUAWEI Video Movie Pass 2 ใบ รวมมูลค่า 200 บาท, ฟรีคูปอง HUAWEI Themes 3 เดือน มูลค่า 149 บาท, ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล HUAWEI Mobile Cloud storage 2TB ระยะเวลา 1 เดือน มูลค่า 349 บาท พร้อมบริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าหมดกังวล โดยมอบความคุ้มครองพิเศษ ได้แก่ บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงบ้าน, รับประกันหน้าจอ 1 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน มูลค่า 999 บาท (ไม่รวมค่าแรงและภาษี) และรับทันทีส่วนลด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ HUAWEI Care

สามารถดูรีวิว HUAWEI P50 Pro ได้ที่ P50Pro

OPPO เปิดแนวคิดใหม่ Zero-Battery Future อุปกรณ์ Zero-Power Communication ทั้งหมดไม่ต้องใช้แบตเตอรี่

 OPPO ชูแผน Zero-Battery Future เน้นการขับเคลื่อนด้วยสัญญาณไร้สายในอนาคต แสดงเอกสารรายงาน Zero-Power Communication

 

  • อุปกรณ์ Zero-Power Communication ทั้งหมดไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ มีขนาดกะทัดรัด ต้นทุนต่ำ และไม่สิ้นเปลืองพลังงาน อีกทั้งยังสามารถประหยัดต้นทุนการบำรุงรักษา ลดขยะ และมลภาวะที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • OPPO ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรทั่วทั้งอุตสาหกรรมเพื่อทำให้อุปกรณ์ Zero-Power Communications เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคต่อไป เพื่อมอบความสะดวกครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น


ในอนาคตอันใกล้ อุปกรณ์ IoT จะสามารถเก็บเกี่ยวพลังงานได้โดยตรงจาก Bluetooth, WiFi และสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น มีขนาดที่เล็กลง ความทนทานที่ดีขึ้น และต้นทุนที่ต่ำลงอุปกรณ์แท็กอิเล็กทรอนิกส์สามารถนำมาใช้เพื่อตามหาสิ่งของต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่ หรือในขณะเดียวกัน นกอพยพที่ใกล้สูญพันธุ์ทุกตัวจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ติดตามทางไกล ทำให้จำนวนการใช้แบตเตอรี่ลดลงอย่างมาก ภาพแห่งอนาคตเหล่านี้เป็นตัวอย่างเบื้องต้นจากเอกสารรายงาน "Zero-Power Communication" ของ OPPO

สามารถติดแท็ก Zero-Power Communication กับสิ่งของที่สูญหายได้ง่าย ทำให้สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างง่ายดายในระยะไกลโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่


วันนี้ OPPO Research Institute ได้เผยแพร่เอกสารรายงานเรื่อง Zero-Power Communication ฉบับใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเอกสารนี้จะวิเคราะห์ตำแหน่งทางเทคนิคของเทคโนโลยี Zero-Power Communication ในด้านความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองเกี่ยวกับ IoT และขั้นตอนการดำเนินการสำหรับเทคโนโลยีที่จะพัฒนาร่วมกับระบบการสื่อสารอื่นๆ ในอนาคต

อุปกรณ์ Zero-Power มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เช่น ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ มีขนาดกะทัดรัดอย่างมาก ใช้พลังงานต่ำ และต้นทุนต่ำ

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน แม้ว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่จะก้าวไปไกลในหลายปีที่ผ่านมา แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ในปัจจุบันยังคงมีปัญหาสำคัญในแง่ของขนาดโดยรวม ต้นทุนการผลิต อายุการใช้งาน ความสะดวกในการใช้งาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเทคโนโลยี Zero-Power Communication ได้ลดความจำเป็นในการใช้แบตเตอรี่โดยการเก็บเกี่ยวพลังงานจากคลื่นความถี่วิทยุรอบตัวเพื่อสร้างพลังงาน มอบอุปกรณ์ที่มีขนาดกะทัดรัด มีประสิทธิภาพ และต้นทุนต่ำ โดยคุณสมบัติดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการใช้งานด้านต่างๆ ทั้งในเชิงพาณิชย์ เช่น การคลังสินค้า การขนส่ง รวมถึงการเกษตร และในอุปกรณ์สวมใส่  ระบบภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และการใช้งานที่ทันสมัยอื่นๆนับจากยุคแรกมาจนถึงยุคที่ ของเทคโนโลยีโทรคมนาคมเคลื่อนที่ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมได้ก้าวผ่านเทคโนโลยีมาแล้วถึง ขั้น — จากอนาล็อกสู่ดิจิทัล สู่ดาต้า และสุดท้ายสู่บรอดแบนด์ การก้าวกระโดดแต่ละครั้งเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบอัตราการส่งข้อมูลที่เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษหน้า เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ไกลออกไป เราไม่เชื่อว่าการรับส่งข้อมูลจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ในเทคโนโลยีโทรคมนาคมแต่เราเชื่อว่าเทคโนโลยีควรพัฒนาเพื่อมอบความสะดวกสบายและคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมโดยรวมมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยี Zero-Power Communications ได้มอบวิธีการสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการเลิกใช้แบตเตอรี่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการได้ ด้วยเหตุนี้ Zero-Power Communications จึงเป็นหนึ่งในประเด็นหลักเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุค B5G/6G” Henry Tang Henry Tang, OPPO's Chief 5G Scientist กล่าวในขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ passive communication มีอยู่แล้วในเทคโนโลยี radio frequency identification (RFID) ในปัจจุบัน ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันมักจะประสบปัญหา เช่น ระยะการสื่อสารสั้น ประสิทธิภาพต่ำ และความจุของระบบขนาดเล็ก สิ่งนี้เหล่านี้เป็นความท้าทายที่สำคัญเมื่อใช้เทคโนโลยี RFID กับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงหรือซับซ้อน เช่น เครือข่ายเซ็นเซอร์อุตสาหกรรม การขนส่งและการคลังสินค้าที่ต้นทุนต่ำแต่กำลังการขนส่งสูง และบ้านอัจฉริยะราคาประหยัดและใช้พลังงานต่ำ รวมไปถึงเทคโนโลยีสวมใส่ขนาดเล็

อุปกรณ์ Zero-Power แตกต่างจากวิธีการดั้งเดิมตรงที่สามารถรับสัญญาณวิทยุรอบตัว ที่ออกอากาศจากแหล่งต่างๆ เช่น หอกระจายภาพ หอวิทยุ FM สถานีฐานโทรศัพท์ และจุดเชื่อมต่อ WiFi (AP) ที่เป็นแหล่งพลังงาน โดยหลังจากรวบรวมพลังงานจากคลื่นวิทยุแล้ว อุปกรณ์จะสามารถปรับสัญญาณวิทยุแวดล้อมกับข้อมูลของตัวเอง และส่งสัญญาณเหล่านี้ออกไปภายนอกในกระบวนการที่เรียกว่าการสื่อสารแบบกระจายกลับการออกแบบเครือข่าย Zero-Power Communication จำเป็นต้องพิจารณาถึงการอยู่ร่วมกันของระบบ Zero-Power communication และระบบ 4G/5G ที่มีอยู่ นอกเหนือไปจากเรื่องช่วงความถี่แบบ unlicensed bands และแบบ licensed bandsระบบ Zero-Power Communication สามารถสร้างได้ในกรอบงานที่ใช้การสื่อสารแบบเซลลูลาร์ การสื่อสารแบบไซด์ลิงก์ หรือในแบบไฮบริด โดยระบบ Zero-Power Communication แบบเซลลูล่าร์จะสามารถรองรับแอปพลิเคชันเครือข่ายเซ็นเซอร์อุตสาหกรรมได้ดีที่สุด เช่น แอปพลิเคชันที่อาจต้องติดตั้งอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก เช่น สถานที่ซึ่งมีจำนวนอุปกรณ์ในเครือข่ายมาก หรือที่มีต้นทุนค่าปรับใช้และบำรุงรักษาในการใช้อุปกรณ์แบบดั้งเดิมสูงในทางกลับกัน วิธีการแบบไซด์ลิงค์นั้นเหมาะกับการสื่อสารระยะสั้นที่มีต้นทุนต่ำ เช่น อุปกรณ์สวมใส่หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮม ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับอีกด้วย และวิธีการแบบไฮบริดที่ใช้ทั้งวิธีการสื่อสารแบบเซลลูลาร์และไซด์ลิงก์จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถปลดล็อกแอปพลิเคชันได้มากขึ้นโดยการใช้ระบบ Zero-Power Communications

Zero-Power Communication ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวพลังงาน RF, การกระจายกลับ และเทคโนโลยีการประมวลผลที่ใช้พลังงานต่ำ


OPPO ประสบความสำเร็จในการสร้างระบบ Zero-Power Communication ของตัวเองและแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของแนวคิดนี้ว่าเป็นแนวทางที่สามารถใช้ได้กับเครือข่ายการสื่อสารในอนาคต นอกจากนวัตกรรมของตัวเองแล้ว OPPO ยังเป็นผู้นำในการส่งเสริมมาตรฐาน Zero-Power Communication อย่างการเสนอโครงการวิจัย Zero-Power Communication แก่ 3GPP และนำเสนอข้อค้นพบในระหว่างการประชุมอุตสาหกรรมอย่าง FuTURE และ ICCCโดยในงาน IMT-2030 6G Vision Workshop เมื่อเดือนกันยายน 2564 OPPO ได้ริเริ่มและจัดการประชุม Zero-Power Communication Forum โดยเชิญองค์กรด้านวิชาการและอุตสาหกรรมมาหารือเกี่ยวกับการใช้งาน ข้อกำหนดทางเทคนิค และเทคโนโลยีหลักใน Zero-Power Communication ในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวไปสู่เทคโนโลยี 6G OPPO เชื่อว่า Zero-Power Communication จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีหลักอื่นๆ เช่น Reconfigurable Intelligent Surfaces, Symbiotic Radio, Non-Orthogonal Multiple Access (NOMA) และ AI เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของ 6G อย่างเต็มที่

OPPO เผยเอกสารรายงานสองฉบับเพื่อดำเนินการวิจัยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัยต่อไป

ก่อนเอกสารรายงาน Zero-Power Communication ทาง OPPO ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับเครือข่าย 6G AI-Cube Intelligent Networking ที่ได้มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารอันล้ำสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของแบรนด์ 'Technology for mankind, kindness for the world' โดย OPPO ตั้งเป้าที่จะปล่อยเทคโนโลยี Zero-Power Communication ในเชิงพาณิชย์ภายใน ถึง ปีข้างหน้า ด้วยการสร้างระบบการสื่อสารที่ชาญฉลาดกว่าที่เคย สะดวกยิ่งกว่าเดิม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้ 

สถาบันชั้นนำระดับโลกยกรางวัลให้ซัมซุง QLED TV และไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 เป็นทีวีเพื่อการถนอมสายตาที่มาพร้อมความปลอดภัยและสีสันที่แม่นยำ

ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ประกาศว่า ไลน์อัพทีวี QLED และไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำระดับโลกด้านการถนอมสายตาและเทคโนโลยี หลังการเปิดตัวไลน์อัพใหม่ล่าสุดในงานแสดงสินค้าอิเลคโทรนิคส์นานาชาติประจำปี 2565 (CES 2022)

นายซอกอู ยอง (ซ้าย) รองประธานบริหารและหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนา ธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และ

นายเชรีฟ เคเดียร์(ขวา) ประธานและซีอีโอของ VDE


 


ซัมซุงไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 ชนะรางวัล ‘Eye Care’ จาก Verband Deutscher Elektrotechniker (VDE) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจากประเทศเยอรมนี ที่มีสมาชิกกว่า 36,000 ราย โดยรางวัล ‘Eye Care’ มอบให้แก่ไลฟ์สไตล์ทีวีจากซัมซุงหลายรุ่น ได้แก่ The Frame (เดอะ เฟรม) The Serif (เดอะ เซรีฟ) และ The Sero (เดอะ เซโร) หลังรับการประเมินในหลากหลายด้าน เช่น ด้านความปลอดภัยต่อสายตา ความอ่อนโยนต่อสายตา ระดับการสั่นไหวของภาพ ความสม่ำเสมอของภาพ และความจัดจ้านของสีสัน

 

หน้าจอของไลฟ์สไตล์ทีวีรุ่นใหม่ได้รับการประเมินว่าปลอดภัยจากแสงสีฟ้าและผลกระทบต่อการหลั่งสารเมลาโทนิน ตามเกณฑ์การประเมินแสงอันตรายของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอนิกส์ (International Electrotechnical Commission หรือ IEC) นอกจากนี้ยังผ่านการประเมินระดับการสั่นไหวของภาพ ที่อาจก่อเกิดอาการเมื่อยล้าดวงตาหรือปวดหัวอีกด้วย และไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 ยังได้รับการรับรองว่าจะมอบประสบการณ์การรับชมที่สบายสายตา ผ่านความสม่ำเสมอของภาพและความจัดจ้านของสีสัน


นายซอกอู ยอง (ซ้าย) รองประธานบริหารและหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนา ธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และ

นายไวแอ็ตต์ แบรนัน (ขวา) รองประธานฝ่ายผู้บริโภค การแพทย์ และเทคโนโลยี ประจำยุโรป องค์กร UL


นอกจากนี้ซัมซุงไลฟ์สไตล์ทีวี[1] ยังได้รับรางวัล ‘Glare-Free’ จาก Underwriters Laboratories (UL) องค์กรอิสระด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี ที่นำผลิตภัณฑ์จากซัมซุงไปทดสอบโดยอ้างอิงเกณฑ์ Unified Glare Rating (UGR) มาตรฐานขององค์กรสากลเรื่องแสง (International Commission on Illumination หรือ CIE) ซัมซุงไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 ได้นำเทคโนโลยีหน้าจอแบบด้านมาใช้ทำให้สามารถป้องกันแสงสะท้อน เงา และรอยนิ้วมือ ช่วยยกระดับการแสดงผลให้มีความสว่างและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมปราศจากการสะท้อน

 

  • แสงสะท้อน – วัดจากการมองเห็นวัตถุบนหน้าจอ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงตกกระทบบนจอภาพ
  • แสงสะท้อนที่ทำให้ไม่สบายดวงตา – วัดจากระดับความสว่างของหน้าจอ
  • แสงสะท้อนที่เป็นอันตรายต่อดวงตา – วัดจากระดับความสว่างที่มากเกินไปเมื่อรับชมในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย

 

การประเมินแสงสะท้อนได้รับการคำนวณจากผลการทดสอบการรับชมทีวีในสภาพแวดล้อมที่มีแสงปกติ ที่ความสว่าง 300 lux และในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ที่ความสว่าง 70 lux


นายซอกอู ยอง (ซ้าย) รองประธานบริหารและหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนา ธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

และ นายราช ชาห์ (ขวา) รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท แพนโทน


ไม่เพียงเท่านี้ ซัมซุงทีวี QLED ปี 2022 ยังได้รับการรับรอง 'Pantone Validated' เป็นครั้งแรกของโลกจาก Pantone แบรนด์ชื่อดังระดับโลกในอุตสาหกรรมสีและผู้สร้างมาตรฐาน Pantone Matching System (PMS)

 

Pantone ได้รับรองผลิตภัณฑ์จากกว่า 20 ไลน์อัพของซัมซุง ได้แก่ ซัมซุงทีวี QLED ทั้งแบบ 8K และ 4K จำนวน 15 รุ่น และหน้าจอมอนิเตอร์จากซัมซุงอีก รุ่น โดยไลน์อัพทีวี QLED ปี 2022 ได้รับการรับรองด้านความแม่นยำในการแสดงผล ด้วยสีแพนโทนถึง 2,030 สี ซึ่งมาพร้อมกับเฉดของสีผิวใหม่ถึง 110 เฉดสี

 

เพราะทีวีมีบทบาทเป็นศูนย์รวมความบันเทิงภายในบ้านมากขึ้น ทำให้มีความต้องการหน้าจอระดับพรีเมียมที่เป็นมิตรต่อดวงตามากขึ้นตามไปด้วย” นายซอกอู ยอง รองประธานบริหารและหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนา ธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว การที่เราได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำระดับโลก เป็นการตอกย้ำว่าเทคโนโลยีจอภาพจากซัมซุงจะมอบประสบการณ์ภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด พร้อมกับถนอมสายของผู้ใช้ขณะรับชมในเวลาเดียวกัน


[1] ซัมซุงไลฟ์สไตล์ทีวี ปี 2022 ที่ได้รับการรับรอง ได้แก่ The Frame, The Serif และ The Sero


Xiaomi เตรียมเปิดตัว Redmi Note 11 Series 1 ทุ่ม วันที่ 26 มกราคมนี้


 

ในที่สุดก็ประกาศวันเปิดตัว โดย Xiaomi ได้ส่งบัตรเชิญเข้ารับชมงานเปิดตัว Redmi Note 11 Series ในวันที่ 26 มกราคมนี้ ผ่านช่องทาง Online ต่างๆของทาง Xiaomi ทั้ง Facebook Page หรือ Youtube ของ Xiaomi Thailand ตั้งแต่เวลา 19:00น. เป็นต้นไป


แฟนๆชาวไทยอย่าลืมเข้าไปร่วมรับชมพร้อมๆกันนะ!

รีวิว HUAWEI P50 Pro สมาร์ทโฟนกล้องเทพ สุดปัง ที่แฟนๆรอคอย

เปิดตัวไปไม่นานสำหรับ HUAWEI P50 Pro สมาร์ทโฟนกล้องเทพ ที่ ณ วันที่ปล่อยรีวิวฉบับนี้ HUAWEI P50 Pro ยังคงครองอันดับ 1 กล้องสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด บนเวป DXOMARK อยู่โดยครองตำแหน่งนี้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา



สเปก HUAWEI P50 Pro

  • ขนาด (สูง x กว้าง x หนา) : 158.8 มม. X 72.8 มม. X 8.5 มม.
  • น้ำหนัก : ประมาณ 195 กรัม (รวมแบตเตอรี่)
  • หน้าจอแสดงผล : OLED อัตราการรีเฟรชเฟรมสูงสุด 120 Hz, สัญญาณ PWM ความถี่สูง 1440Hz
  • ความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัส300Hz
  • ขนาดหน้าจอ : 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x 1228 pixels ให้สีได้สูงถึง 1,070 ล้านสี
  • กันน้ำ/กันฝุ่น : มาตรฐาน IP68 4
  • โปรเซสเซอร์ : Snapdragon 888 4G Octa-core, Adreno 660
  • หน่วยความจำและความจุข้อมูล : 8 GB RAM + 256 GB ROM
  • กล้อง
    • กล้องหลัง :
      • 50 MP True-Chroma Camera (Color, f/1.8 aperture, OIS)
      • 40 MP True-Chroma Camera (MONO, f/1.6 aperture)
      • 13 MP Ultra-Wide Angle Camera (f/2.2 aperture)
      • 64 MP Telephoto Camera (f/3.5 aperture, OIS), support AF
    • กล้องหน้า : 13MP Selfie Camera (Wide Angle, f/2.4, autofocus)
  • แบตเตอรี่ : ความจุ 4,360 mAh
    • รองรับการชาร์จธรรมดา HUAWEI SuperCharge กำลังไฟสูงสุด 66 W 
    • รองรับการชาร์จไร้สาย HUAWEI SuperCharge กำลังไฟสูงสุด 50 W 


อุปกรณ์ในกล่อง
  • ตัวเครื่อง HUAWEI P50 Pro
  • เคสซิลิโคนใส
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • สายชาร์จ
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไว 66W


รูปลักษณ์
ผสานความงามและเทคโนโลยีการถ่ายภาพไว้ด้วยกันอย่างลงตัว HUAWEI P50 Pro มาพร้อมกล้องวงแหวนคู่ในดีไซน์ Dual-Matrix Camera ที่เป็นความลงตัวระหว่างสัดส่วน โครงสร้าง และรูปเรขาคณิต 


HUAWEI P50 Pro ใส่ลูกเล่นตัดขอบเงิน เน้นความเรียบหรู และทันสมัย หน้าจอ OLED กว้าง 6.6 นิ้ว ขอบโค้งมนแบบ 3D หน้าจอใช้งานลื่นไหลและรวดเร็วทันใจด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz และค่า Touch Sampling Rate 300 Hz รองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี เก็บรายละเอียดทั้งรูปภาพและคลิปวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ ตัวเครื่องบางเพียง 8.5 มม. น้ำหนักเบาเพียง 195 กรัม มีมาตรฐานป้องกันละอองฝุ่นและละอองน้ำอยู่ที่ IP68 


HUAWEI P50 Pro ใช้ลำโพงคู่แบบสเตอริโอและเอฟเฟกต์เสียง HUAWEI Histen ที่พัฒนาขึ้นโดยหัวเว่ยเอง เพื่อถ่ายทอดทุกย่านเสียงสมจริง ถูกวางไว้ดานบนและด้านล่างของตัวเครื่อง ปุ่มปรับเสียงและปุ่มเปิดเครื่องถูกวางไว้อยู่ด้านขาวของตัวเครื่อง รูชาร์จไฟและช่องเสียบซิมอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง โดยที่ HUAWEI P50 Pro รองรับการใช้งาน 2 Sims หรือ 1 Sim พร้อมกับ NM Card


HUAWEI P50 Pro มาพร้อมระบบกล้องที่เรียกว่า Dual-Matrix Camera ซึ่งประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว รองรับภาพมุมกว้างถึง 120 องศา ซูมได้สูสุด 100x และ ถ่ายภาพระยะใกล้เพียง 2.5 ซม. อีกทั้งยังรองรับ เทคโนโลยี True-Chroma Display อัปเกรดระบบเซ็นเซอร์แสง ปรับสีอัตโนมัติเพื่อให้สีดูสมจริงมากยิ่งขึ้น และเทคโนโลยี Super HDR ถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าความละเอียด 13MP มาพร้อม True-Chroma Front Camera ภาพมุมกว้าง 100 องศาเซลฟี่แบบกลุ่มได้ครบทุกคน


รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W Wired HUAWEI SuperCharge TM เมื่อใช้กับการชาร์จแบบมีสาย และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless HUAWEI SuperCharge TM ใช้แบตเตอรีขนาดใหญ่ 4360 mAh ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน



หลังจากที่ไม่มี GMS หลายคนยังมีความกังวล เกี่ยวกับการใช้การแอพต่างๆ หลังจากที่ใช้งานแล้ว บอกได้เลยว่าทาง HMS พัฒนาขึ้นอย่างมาก หลายๆแอพที่ไม่สามารถใช้งานได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้สามารถโหลดจาก Huawei AppGallery หรือ Petal Search มาลงและใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา จะเหลือก็เพียงบางแอพ ที่ถ้าต้องการใช้งานในรูปแบบแอพ ต้องใช้งานผ่านแอพ GSpace เช่น Youtube, Gmail อาจจะมีการเด้งของแอพบ้าง ส่วนการใช้งานผ่าน Browser ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ในส่วนของแอพที่จำเป็นมากๆ เช่นแอพธนาคารต่างๆ ก็มีให้โหลดได้ทุกธนาคาร


ความคิดเห็นจากการใช้งาน
แม้ว่าการที่ HUAWEI P50 Pro ไม่มี GMS จึงทำให้หลายๆคนกังวลว่าจะใช้งานได้ไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน แต่จากการที่ได้ลองใช้มาช่วงระยะหนึ่ง ทางแบรนด์ได้มีการพัฒนาแอพต่างๆให้รองรับการใช้งาน ให้มีความใกล้เคียงเดิมมากที่สุด หลายๆแอพที่ไม่ได้อิงกับ GMS สามารถโหลดใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แอพ Line ยังคงไม่สามารถแบคอัพข้อความสนทนาและแชร์โลเคชั่นได้ ส่วน Youtube และ Gmail ยังคงต้องใช้ผ่าน Web Browser อยู่ แต่ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน อีกเรื่องที่อาจจะทำให้หลายๆคนต้องคิดเพิ่มนั่นก็คือ HUAWEI P50 Pro รองรับการใช้งานแค่ 4G เท่านั้น ซึ่งยังเพียงพอต่อการใช้งาน ณ ปัจจุบัน แต่สำหรับหลายๆคนที่นานๆถึงจะเปลี่ยนโทรศัพท์ที อาจจะมีความกังวลตรงนี้ ในส่วนของการถ่ายรูป  HUAWEI P50 Pro ทำออกมาได้ดีและยังคงอารมณ์ของภาพตามฉบับของ Leica อยู่โดยเฉพาะรูปสีขาวดำที่ทำออกมาได้เป็นที่น่าประทับใจอย่างมาก