ป้ายกำกับ

ซัมซุงส่งแคมเปญ Make Bangkok nights epic #withGalaxy ชวนทุกคนโชว์สีสันยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ผ่านเลนส์ Galaxy S22 Series

 

เพราะแต่ละเมืองล้วนมีเสน่ห์ยามค่ำคืนที่แตกต่างกัน และต่างรอให้มีคนมาค้นพบความสวยงามเหล่านี้ นี่จึงเป็นเหตุผลให้ซัมซุงเปิดตัว Make city nights epic #withGalaxy แคมเปญออนไลน์ระดับโลก เพื่อชวนผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น ปารีส เบอร์ลิน โซล นิวยอร์ค มุมไบ ริโอเดอจาเนโร ลอนดอน และกรุงเทพมหานคร มาร่วมโชว์สีสันยามค่ำคืนของเมืองหลวงแต่ละแห่ง ผ่านเลนส์ Galaxy S22 Series ที่มีกล้อง Nightography ถ่ายภาพได้สวยทุกแสง เก็บครบทุกโมเมนต์สนุกสนาน โรแมนติก หรือตื่นเต้นในเมืองแห่งแสงสีทั่วโลก

 

โดย ซัมซุง ประเทศไทย ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญระดับโลกนี้ ผ่านการเปิดตัว Make Bangkok nights epic #withGalaxy ด้วยวิดีโอสั้นที่พร้อมพาทุกคนขึ้นรถตุ๊กตุ๊กท่องราตรี เก็บโมเมนต์การตะลุย Nightlife ของเมืองหลวง ไปกับนักแสดงสาว ก้อย – อรัชพร โภคินภากร (@goyyog) ที่ได้พกพา Galaxy S22 Ultra ไปเป็นอุปกรณ์คู่ใจในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอผ่านกล้อง Nightography ได้สวยคมชัดทุกแสง เผยรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในความมืด ได้แบบไม่มี noise กวนใจ รวมถึงการทำคอนเทนต์ภาพเดี่ยวภาพกลุ่มได้แบบเป๊ะไม่มีพลาด ผ่านโหมด Night Portrait ที่ช่วยให้ภาพถ่ายบุคคลยามค่ำคืนออกมาสวยโดดเด่น หน้าชัดหลังเบลอ พร้อมปรับเอฟเฟกต์พื้นหลังได้หลายรูปแบบ ซึ่งสามารถใช้งานบน Galaxy S22+ และ Galaxy S22 ได้เช่นกัน




ทั้งนี้ เพราะเมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ซัมซุงจึงอยากชวนทุกคนมาร่วมโชว์สีสันยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ในมุมมองของตัวเองไปด้วยกัน ด้วยวิถีง่ายๆ เพียงถ่ายภาพหรือวิดีโอพร้อมโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ติดแฮชแทก #MakeNightsEpic #withGalaxy และเพิ่มความสนุกให้ค่ำคืนไปอีกขั้นกับ TikTok Challenge โดยสามารถถ่ายวิดีโอด้วยฟิลเตอร์ #MakeNightsEpic ที่มาพร้อมเอฟเฟกต์สวยๆ สร้างสีสันให้การถ่ายวิดีโอสั้นลง TikTok ด้วย Galaxy S22 Ultra สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ที่ https://smsng.store/S22TikTokChallenge






สำหรับผู้ที่สนใจ Galaxy S22 Series สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ พร้อมรับส่วนลดทันที 2,000 บาท เมื่อซื้อ Galaxy S22 | S22+ ในราคาเริ่มต้นเพียง 27,900 บาท และยังสามารถนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาแลกเพื่อรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท หรือรับส่วนลดสูงสุดถึง 6,500 บาท[1] เมื่อซื้อ Galaxy S22 Ultra โดยรับส่วนลด 3,500 บาท เพื่อซื้อ Galaxy Buds2 และนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ารุ่นที่ร่วมรายการมาแลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 3,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน – สิงหาคม 2565 ที่ samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s22-ultra/special-offer/

Spotify เปิดตัว 'K-Pop ON! Track': เว็บไซต์ใหม่โดยเฉพาะ สำหรับแนวเพลงประเภทที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก

 


Spotify ได้เปิดตัวเว็บไซต์ที่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่ง K-Pop โดยเฉพาะ ให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดกับศิลปินและเพลงที่พวกเขารัก K-Pop ON! Track จะช่วยให้ทุกคน ตั้งแต่แฟนเพลง K-Pop ที่กำลังค้นพบแนวเพลงอยู่ไปจนถึงสแตน K-pop ได้มีฐานเพื่อติดตามข่าว K-Pop ทั้งหมดของ Spotify รวมถึงการสัมภาษณ์พิเศษศิลปิน อัปเดตข่าวในวงการ และเทรนด์ต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นและอื่น ๆ อีกมากมาย


จัดทำขึ้นเพื่อเสริมประสบการณ์การสตรีม K-Pop ON! Track ซึ่งเติมเต็มไปด้วยเนื้อหาที่จะนำแฟนๆ เข้าสู่จักรวาล K-Pop ได้อย่างลึกซึ้ง รวมถึงบทความที่ช่วยอธิบายความหมายของคำศัพท์ในวงการ K-Pop คำแนะนำทีละขั้นสำหรับวิธีสร้างเพลย์ลิสต์ Spotify Blend กับ BTS ซีรีส์ที่อุทิศให้กับผู้ที่ 'We Stan' (เริ่มต้นด้วย NCT127) ไปจนถึงการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้าน K-Pop อีกทั้งไซต์นี้จะยกย่องผู้คนมากความสามารถที่อยู่เบื้องหลังแทร็กดัง รวมไปจนถึงการฉลองแฟนๆ ในระดับแนวหน้าของ K-Pop





การเปิดตัวของ K-Pop ON! Track ได้ริเริ่มขึ้นมาจากที่ Spotify ยังคงเห็นโมเมนตัมของกระแส K-Pop ทั่วโลก เพลย์ลิสต์ K-Pop ที่มีชื่อใหม่ K-Pop ON! (온) ได้รวบรวมสตรีมสำหรับประเภทแนวเพลงดังกล่าวนับพันล้านครั้งตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 จากการครองชาร์ตและสัมผัสชีวิตผู้ฟังทั่วโลก K-Pop ON! (온) มีผู้ติดตามมากกว่า 3.9 ล้านคน ณ เดือนพฤษภาคม 2022 โดยสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่สตรีมเพลย์ลิสต์มากที่สุด K-Pop ถือเป็นมากกว่าแค่แนวดนตรี แต่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมสำหรับแฟนดอม ซุปเปอร์สตาร์ โมเมนต์แฟชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย K-Pop ON! Track จะเป็นศูนย์กลางเพื่อให้แฟนๆ ได้มาดื่มด่ำไปกับปรากฏการณ์ระดับโลก

 

ด้วยเนื้อหาใหม่ที่ปล่อยออกมาทุกสัปดาห์ คุณสามารถเยี่ยมชมไซต์ได้เลยเพื่อดูการกลับมาของเพลง K-Pop ที่น่าจับตามอง และอย่าพลาดการเพิ่มกลุ่มไอดอล K-Pop Rookie เหล่านี้ลงในเพลย์ลิสต์ของคุณ เพราะเราให้ความสำคัญและจับตาทุกความเคลื่อนไหวของศิลปินหน้าใหม่ที่จะรับชม







เข้าใกล้จังหวะของ K-Pop มากขึ้นโดยไปที่ K-Pop ON! Track ของ Spotify ได้ที่นี้

###

 

OPPO จับมือ Ericsson และ Qualcomm เดินหน้าเร่งการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร


 OPPO จับมือ Ericsson และ Qualcomm  เดินหน้าเร่งการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร 

  • OPPO จับมือ Ericsson และ Qualcomm Technologies, Inc. เพื่อแสดงถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมในการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G (5G Enterprise Network Slicing Solution) ระดับองค์กร สำหรับอุปกรณ์ Android 12 ที่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
  • โดยอิงจาก OPPO Find X5 Pro 5G ที่ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Snapdragon® 8 Gen 1 พร้อม Snapdragon X65 Modem-RF System ในการขับเคลื่อน Android 12 ซึ่งเป็นโซลูชันการปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร ซึ่งสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนจากการแยกเครือข่าย  Ericsson Dynamic และ โซลูชัน 5G RAN Slicing โดยสามารถแบ่งแอปมือถือและการรับส่งข้อมูลเครือข่ายตามส่วนต่าง ๆ ของเครือข่ายที่อำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางอุปกรณ์ของผู้ใช้และการควบคุมนโยบาย (URSP) ที่ต่างกันได้
  • ความสามารถในการส่งข้อมูลแบบครบวงจร โดยโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กรสามารถใช้งานได้ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลก



OPPO ประกาศความสำเร็จในการทดสอบโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ก่อนวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์โดยร่วมมือกับ Ericsson และ Qualcomm Technologies ซึ่งในการสร้างโซลูชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้การปรับใช้การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) สามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกสามารถนำไปใช้ได้

ทั้งสามบริษัทได้ทำการสาธิตโซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กรก่อนการใช้เชิงพาณิชย์ที่ OPPO’s 5G Communications Lab โดยในระหว่างการสาธิตโซลูชันครั้งแรก OPPO ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Ericsson และ Qualcomm Technologies เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลัก เครือข่ายไร้สาย และโมดูลชิป

 

การใช้ OPPO Find X5 Pro 5G ที่ขับเคลื่อนโดยชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 พร้อม Snapdragon X65 Modem-RF System สามารถใช้งานระบบที่ปรับแต่งได้สูงตาม Android 12 - ColorOS 12 ความสามารถในการเลือกแยกเครือข่ายแบบไดนามิกจาก Ericsson 5G Core จะช่วยรองรับการเลือกเส้นทางอุปกรณ์ของผู้ใช้และการควบคุมนโยบาย (URSP) และโซลูชันการแยก 5G RAN โดยทีมงานได้ร่วมสาธิตการใช้แอปพลิเคชันและการแยกส่วนการรับส่งข้อมูลเครือข่ายโดยใช้โซลูชันการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ก่อนจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมแอปพลิเคชันและบริการระดับองค์กรที่มีข้อกำหนดเฉพาะไปยังส่วนที่กำหนดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ ภายใต้โซลูชันใหม่นี้ แอปที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายเฉพาะจะสามารถระบุได้อย่างง่ายดายผ่านไอคอนขนาดเล็กที่แสดงถัดจากไอคอนแอปบนอุปกรณ์มือถือหลัก






การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่แตกต่างกัน” Xia Yang, Senior Director of Carrier Product Line, OPPO กล่าว "ตามพันธกิจของบริษัทอย่าง ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’, OPPO จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในด้านนวัตกรรมและการทำงานร่วมกันทั่วทั้งระบบนิเวศเทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้าในเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ร่วมกับพันธมิตรของเรา เราจะช่วยให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ OPPO หลากหลายแบบได้เป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้สัมผัสและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การเชื่อมต่อ 5G ที่กำหนดเองได้

 

Monica Zethzon, Head of Solution Area Packet Core at Business Area Cloud Software and Services, Ericsson กล่าวว่า: "การแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยของเครือข่าย ความน่าเชื่อถือ และความยืดหยุ่นได้ โดยโซลูชันนี้สร้างขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง OPPO และ Qualcomm Technologies และได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยี 5G Core และการแยก 5G RAN ของ Ericsson ซึ่งถือเป็นรากฐานสำหรับ CSP เพื่อมอบบริการ 5G ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับองค์กรต่างๆ

 

การสาธิตการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร (5G Enterprise Network Slicing Solution) สำหรับการใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุคำมั่นสัญญาของ 5G Standalone (SA)”  Sunil Patil, vice president, product management at Qualcomm Technologies, Inc. กล่าว “ในเชิงพาณิชย์จะมีการมอบเครื่องมือเครือข่าย 5G เพื่อปรับแต่ง 5G ตามความต้องการของแอปพลิเคชั่น"

 

โดยการแยกเครือข่ายทางกายภาพไปสู่เครือข่ายเสมือนแบบครบวงจรหลายเครือข่าย การแยกเครือข่าย 5G สามารทำให้ทรัพยากรเครือข่ายที่เป็นอิสระและที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะในแต่ละกรณีใช้งานได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะสามารถปลดล็อกทรัพยากร 5G จำนวนมากขึ้นเพื่อให้เครือข่าย 5G มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในเวลานี้กลุ่มบริษัทจะเร่งความพยายามในการสร้างระบบนิเวศ อุปกรณ์ และเครือข่ายเพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์

 

การแยกเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นพื้นที่ใหม่ในการเติบโตของเทคโนโลยี

การแยกเครือข่าย 5G ช่วยให้สามารถแบ่งส่วนของเครือข่ายด้วยคุณสมบัติของเครือข่ายที่แตกต่างกัน เช่น ค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูล ปริมาณการรับส่งข้อมูล ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ตามความต้องการของผู้เชื่อมต่อกับเครือข่าย ตัวอย่างเช่น สามารถสร้างเครือข่ายเฉพาะที่มีปริมาณการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่และค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชันการขับขี่อัตโนมัติ มอบการรับประกันที่สูงขึ้นว่ายานพาหนะจะได้รับระดับความถูกต้องของข้อมูลและปริมาณการประมวลผลที่ต้องการเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยส่วนของเครือข่ายสามารถสร้างขึ้นสำหรับเกมหรือแพลตฟอร์มเฉพาะได้ ทำให้ผู้ใช้มีการเชื่อมต่อที่สามารถตอบสนองและสมจริงมากขึ้นโดยไม่ขึ้นกับการรับส่งข้อมูลอื่นๆ บนเครือข่าย ในแอปพลิเคชัน IoT เช่น โรงงานอัจฉริยะการแยกเครือข่ายที่ตั้งค่าไว้สำหรับค่าความเร็วในการตอบสนองการรับส่งข้อมูลต่ำและมีความน่าเชื่อถือสูงด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจำนวนมากจะช่วยเป็นรากฐานสำหรับการดำเนินงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้

OPPO ได้มีการวิจัยและพัฒนาในด้านการแยกเครือข่าย 5G ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายและพันธมิตรอื่นๆ มาเป็นเวลาหลายปี ก่อนหน้านี้ OPPO ได้ร่วมมือกับ Vodafone และ Ericsson เพื่อสร้างเครือข่าย 5G SA แห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ Coventry University ซึ่งได้มีการสาธิตเทคโนโลยีการแยกเครือข่าย 5G SA ตัวแรก โดย OPPO ยังได้ทำงานร่วมกับ China Mobile เพื่อทำการทดสอบและตรวจสอบการแยกเครือข่าย 5G ปลายทางให้เสร็จสิ้น และในอนาคต OPPO จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการทั่วโลกเพื่อส่งเสริมแอปพลิเคชันและการใช้งานการแยกเครือข่าย 5G ระดับองค์กร นำการสื่อสาร 5G ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และยืดหยุ่นยิ่งขึ้นมาสู่พันธมิตรและผู้ใช้งานในเชิงพาณิชย์

anitech x PEANUTS เปิดตัว Collection Snoopy สุดคิ้วท์ บุกตลาดวัยทีนเชื่อมต่อทุกเจนเนอเรชั่นของทุกคนในครอบครัว

 


“แอนิเทค” ผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ทุ่มงบการตลาด 20 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ Character Marketing ผ่านแคมเปญใหม่ “anitech x PEANUTS เปิดตัว Collection Snoopy สุดคิ้วท์” ครั้งแรกกับการคอลแลปส์ระหว่างแบรนด์แอนิเทค กับ คาแรคเตอร์สุดอมตะของแก๊งค์ PEANUTS ตั้งเป้าขยายกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มวัยรุ่น เพื่อครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในทุกผลิตภัณฑ์ของแอนิเทค พร้อมเดินหน้าสร้าง New S-Curve ใหม่ให้กับบริษัทฯ




คุณโธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวแคมเปญ “anitech x PEANUTS เปิดตัว Collection Snoopy สุดคิ้วท์” ว่า “แอนิเทคมีความปรารถนาที่จะเติมเต็มความสุขให้กับทุกคน หลังจากที่ได้ผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19 มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงวิกฤติดังกลล่าว โควิดเป็นตัวเร่งให้เกิด Digital Transformation อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ส่งผลให้ผู้คนเปลี่ยนมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน   แอนิเทคจึงขอส่งต่อความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว ด้วยงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ผ่านการคอลแลปส์กันระหว่างแบรนด์แอนิเทคกับการ์ตูนอมตะที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกกว่า 70 ปี อย่างสนูปปี้และผองเพื่อน PEANUTS ความร่วมมือกันครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับแบรนด์แอนิเทคอีกขั้น กับการเป็นแบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ถือลิขสิทธิ์ PEANUTS ในประเทศไทย ที่ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านตัวการ์ตูนสำคัญอย่าง สนูปปี้, ชาลีบาวน์ และวู๊ดสต็อก ให้มาโลดแล่นบนสินค้าของแอนิเทค พร้อมสร้างประสบการณ์ความตื่นเต้น สนุกสนาน การใช้สินค้าให้มากขึ้น”




“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นทั้งด้านดีไซน์ รวมไปถึงคุณภาพและการรับประกันสินค้าตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ว่า เราจะเป็นองค์กรที่มีส่วนในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและมีอายุยาวนานเกินร้อยปี โดยเราตั้งใจและมุ่งเน้นให้สินค้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเชื่อมต่อทุกเจนเนอเรชั่นของคนในครอบครัว ทุกๆสินค้าภายใต้แบรนด์แอนิเทคเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์กับทุกเพศทุกวัย ทั้งโปรดักส์ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ปลั๊กไฟ คีย์บอร์ด เมาส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ฯลฯ รวมไปถึง โปรดักส์ Health & Hygiene ของ Lab+ Series ที่อยู่ภายใต้แบรนด์แอนิเทค ความร่วมมือกับ PEANUTS ในครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างและลึกมากขึ้น โดยเน้นไปที่กลุ่มนิวเจนเนอเรชั่นที่มีความชื่นชอบสินค้าที่มีความสดใสน่ารัก ไม่ใช่เพียงเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของ PEANUTS เท่านั้น แต่สนูปปี้ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สินค้ามีอารมณ์ร่วมกับความน่ารักและตัดสินใจซื้อได้ในเวลาอันสั้น กับราคาที่สามารถจับต้องได้




สินค้าคอลเลคชั่น anitech x PEANUTS แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่ Computer Accessories, Home Devices และ Home Applilances สะท้อนความครบทั้งคิ้วท์ทั้งคุ้ม ประกอบไปด้วย ปลั๊กไฟฟ้ารุ่น SNP-H3434,SNP-H233, SNP-H9022, เมาส์ไวเลสไร้สาย 2.4 G และเมาส์ชนิดมีสายที่สัมผัสเบาสบายมือ , แผ่นรองเมาส์สัมผัสพื้นผิวการใช้ที่ลื่นไหลมาพร้อมกับยางกันลื่น , ชุดคีย์บอร์ด และ เมาส์แบบไวเลส SNP-PA807 มีทั้งสีขาวและ สีดำ, กระทะไฟฟ้าอเนกประสงค์ SNP-SMC1009 , หม้อต้มน้ำอเนกประสงค์ SNP-SMK60 และ กาต้มน้ำไฟฟ้า SNP-SK109 ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับแพคเกจจิ้งดีไซน์พิเศษลายสนู๊ปปี้ สุดน่ารัก พร้อมให้ทุกคนมาตกหลุมรักกับความน่ารักสดใสกับคอลเลกชั่นพิเศษแล้ววันนี้



สามารถหาซื้อผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ / ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงทาง official store ของแอนิเทค สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท สมาร์ท ไอดีกรุ๊ป จำกัด โทร 02-920-6262 หรือ www.anitechonline.comhttps://www.facebook.com/anitechthailand


#anitech #anitechxPEANUTS

ภาคอุตสาหกรรมไทยพร้อมใจจับมือหัวเว่ย ประยุกต์ใช้ 5G เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ร่วมผลักดันไทยขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน

 งานสัมมนา Thailand 5G Summit 2022 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16-17 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร 5G ในประเทศไทยจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรม เพื่อแสดงวิสัยทัศน์รวมถึงรายละเอียดความร่วมมือในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ภายในภาคอุตสาหกรรมสาธารณสุข ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และโปรเจ็คสมาร์ทซิตี้ของประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานและการแข่งขันให้แก่ทุกภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ร่วมผลักดันประเทศไทยในเส้นทางการก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน



นายไซมอน หลิน ประธานกรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของหัวเว่ย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่อุตสาหกรรมในประเทศไทยว่า “5G ถือเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อดิจิทัลอันเป็นพื้นฐานสู่ความสำเร็จของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมไปถึงการพัฒนาของภาคสาธารณสุข ภาคการผลิต และคอนเซ็ปต์เรื่องเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ด้วยเช่นกัน ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไอซีทีและเป็นผู้พลิกโฉมสู่ความเป็นดิจิทัล เราจะเดินหน้าผลักดันนวัตกรรมอัจฉริยะ 5G ผ่านการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของ 5G ตามพันธกิจการร่วมมือกันสร้างนวัตกรรม สนับสนุนการทำให้เกิดอีโคซิสเต็ม 5G แลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งรองรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในกลุ่มสตาร์ทอัพ เพื่อให้ทั้งภาครัฐและภาคส่วนต่างๆ มีส่วนช่วยกันผลักกันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และเพื่อให้หัวเว่ยสามารถนำความอัจฉริยะมาสู่ทุกคน

ทุกบ้าน ทุกองค์กร และสร้างประเทศไทยดิจิทัลที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์ มีความอัจฉริยะ และยั่งยืนไปพร้อมกัน”





โดย นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ขึ้นกล่าวสัมมนาภายในงานดังกล่าวถึงนโยบายด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคสาธารณสุขของประเทศไทยว่า “การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรูปแบบเดิม ๆ และตอกย้ำให้เราเห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งยกระดับภาคอุตสาหกรรมสาธารณสุขของประเทศไทย ด้วยศักยภาพของ 5G และการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมไอซีทีอย่างหัวเว่ย รองรับจุดยืนการขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน”






ด้านตัวแทนจากภาคโรงพยาบาล รศ.นพ. วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ได้กล่าวว่า “ทางโรงพยาบาลศิริราชได้ทำโครงการ แนวทางในการขยายผล การใช้ disruptive เทคโนโลยี และ 5G เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ทำงานร่วมกับหัวเว่ยเพื่อพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะ Hospital Operating Center (HOC) และนวัตกรรมการบริการทางการแพทย์ใหม่ๆ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุด โดยทางศิริราชเชื่อว่า ความมุ่งมั่นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของโรงพยาบาลจะเป็นต้นแบบให้แก่โรงพยาบาลรัฐแห่งอื่นในประเทศไทยต่อไป”

 

โดยก่อนหน้านี้ ทางโรงพยาบาลศิริราชได้ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด เพื่อดำเนิน "โครงการต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G และระบบปัญญาประดิษฐ์” ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงพยาบาลด้วยการนำเทคโนโลยี 5G รวมทั้งคลาวด์ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการ เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาพยาบาล ช่วยให้คนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงการบริการในโรงพยาบาลตติยภูมิชั้นสูงได้ ซึ่งหัวเว่ยมีความมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้วยเทคโนโลยี 5G และคลาวด์ ในการเสริมศักยภาพให้แก่ภาคสาธารณสุขไทย และช่วยผลักดันโรงพยาบาลศิริราชให้เป็นต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะแห่งแรกของไทยที่มีมาตรฐานระดับโลกในอนาคต




อ.ดร. สุนทร หลั่นเจริญ หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยี 5G ที่ช่วยพัฒนาการรักษาในกรณีฉุกเฉินให้มีความปลอดภัยมากขึ้นว่า “เทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง 5G เปรียบเสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะผลักดันให้โรงพยาบาลต่างๆ ประยุกต์ใช้ในบริการตรวจคนไข้และการตรวจ CT ทางไกลมากขึ้น และยังจะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการทางการแพทย์คุณภาพสูงอย่างเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น เมื่อเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ในอีโคซิสเต็ม 5G อย่างหัวเว่ย เราเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G จะสามารถผลักดันให้กระบวนการรักษาในกรณีฉุกเฉินมีความปลอดภัยมากขึ้นได้”




นอกจากนี้ นายวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)  จำกัด ยังได้กล่าวถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในโปรเจ็คสมาร์ทซิตี้ของประเทศไทยว่า “สมาร์ทซิตี้จะทำให้เมืองในประเทศไทยมีความปลอดภัยมากขึ้น การเกษตรกรรมจะพัฒนาขึ้น ผู้คนจะได้รับความสะดวกสบายในทุกที่ทุกเวลาเมื่อเรามีเมืองแบบสมาร์ทซิตี้จำนวนมากขึ้นในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ เราพูดถึงเรื่องสมาร์ทซิตี้มานานกว่า 5 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม 5G ได้เข้ามาทลายทุกข้อจำกัดที่สมาร์ทซิตี้ต้องเผชิญและทำให้มันกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เนื่องจากเทคโนโลยี 5G คือพื้นฐานสำคัญของสมาร์ทซิตี้ และทำให้เราสามารถเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ทุกรูปแบบผ่าน 5G และใช้การประมวลผลอัจฉริยะสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์”





ในด้านผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความพร้อมของโครงข่าย 5G ในประเทศไทยว่า ตั้งแต่ประเทศไทยได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการสำหรับให้บริการโครงข่ายบนเทคโนโลยี 5G ในปี พ.ศ. 2563 หัวเว่ยได้มีส่วนช่วยประเทศไทยในการวิจัยและพัฒนาโครงข่าย 5G ชั้นนำ ซึ่งจนถึงวันนี้ ประเทศไทยได้ร่วมพัฒนาโครงข่าย 5G รองรับผู้ใช้บริการไปแล้วมากกว่า 4.3 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากกว่ายอดผู้ใช้ 5G โดยรวมจากประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนกว่า 2.5 เท่า




นอกจากนี้ นายจูเลียน กอร์แมน หัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA APAC 5G Industry Community) ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าทางสมาคมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้ให้บริการโซลูชัน 5อย่างหัวเว่ย เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยี 5และผลักดันให้เกิดกรณีตัวอย่างการใช้งาน 5เชิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้


OPPO จับมือ Getty Images ตีความช่วงเวลาของคุณผ่าน OPPO Find X5 Pro 5G

 


OPPO ประกาศความร่วมมือกับ Getty Images คอนเทนต์ครีเอเตอร์ภาพและเจ้าตลาดซื้อขายภาพชั้นนำระดับโลก เพื่อเปิดตัวแคมเปญ Reinterpret Your Moment 


เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับช่างภาพจากทุกสาขาอาชีพและร่วมปลดปล่อยความหลงใหลในการถ่ายภาพผ่านเลนส์ของ OPPO Find X5 Pro 5G โดย Getty Images จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียงกับเครือข่ายช่างภาพ Custom Content ทั่วโลก เพื่อให้ได้ภาพที่สามารถสะท้อน เข้าถึงได้ทั่วโลก และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับลูกค้า OPPO ได้



เมื่อต้นปีนี้ OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนแฟลกชิปล้ำสมัย OPPO Find X5 Pro 5G ที่มาพร้อมความสามารถในการถ่ายภาพขั้นสูง ขับเคลื่อนโดย NPU ตัวแรกของ OPPO อย่าง MariSilicon X  พร้อมด้วยระบบ OIS แบบห้าแกน (Five-axis OIS system) ที่ปฏิวัติวงการรวมกับอัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ โดย OPPO Find X5 Pro 5G ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพที่พิเศษกว่าเดิมและแสดงออกถึงแรงบันดาลใจได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม 


เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับช่างภาพในการจับภาพและแบ่งปันเรื่องราวของภาพที่ไม่เหมือนใครผ่านสมาร์ตโฟน OPPO และ Getty Images ได้ร่วมมือกันในแคมเปญ Reinterpret Your Moment โดยในแคมเปญนี้ Getty Images จะมอบข้อมูลเชิงลึกที่มีความสร้างสรรค์ในธีมภาพถ่ายห้าธีม ซึ่งผู้ใช้ OPPO Find X5 Pro 5G จะสามารถตีความธีมที่เลือกผ่านภาพถ่ายที่ตนเองสร้างสรรค์ได้ 


5 ธีมหลักได้แก่


  • Repicture Fatherhood สร้างสรรค์ภาพคุณพ่อรุ่นใหม่
  • Reinterpret the World of Work ตีความโลกแห่งการทำงานยุคใหม่
  • Age is Just a Number อายุเป็นเพียงตัวเลข
  • Repicture Women แรงบันดาลใจถึงภาพผู้หญิงรุ่นใหม่
  • The New Milestones of Success ก้าวใหม่แห่งความสำเร็จ


ตลอดแคมเปญนี้ OPPO จะมอบ OPPO Find X5 Pro 5G ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนแฟลกชิปรุ่นล่าสุดให้กับช่างภาพ Custom Content ของ Getty Images 20 คน ซึ่งจะใช้ความสามารถด้านการถ่ายภาพระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เพื่อส่งผลงานไปยังธีมที่เลือก โดยเน้นที่มุมมองที่มีความเป็นเอกลักษณ์


ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านภาพระดับแนวหน้าของโลก Getty Images จะใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองในการดูแลจัดการรูปภาพเพื่อรวบรวมรูปภาพจากแคมเปญไว้ในห้องสมุดออนไลน์ทั่วโลกที่ GettyImages.com

 

“ในฐานะเกณฑ์มาตรฐานในการสร้างสรรค์และดูแลจัดการเนื้อหาภาพ และชื่อที่มีความหมายเหมือนกันกับภาพถ่ายที่มีคุณภาพ Getty Images ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับครีเอทีฟโฆษณานับล้านทั่วโลก” William Liu, Vice President and President of Global Marketing at OPPO กล่าว


“OPPO สนับสนุนแนวคิดในการให้ผู้ใช้ตีความโลกของตัวเองผ่านเลนส์ของสมาร์ตโฟนมาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์การถ่ายภาพระดับตำนาน เราเชื่อว่า OPPO Find X5 Pro 5G จะช่วยให้ผู้คนค้นพบแรงบันดาลใจของตัวเองผ่านการถ่ายภาพได้มากขึ้น”


 

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ OPPO ที่ Getty Images เราใช้เวลากว่าทศวรรษในการทำงานเพื่อทำลายการสเตอริโอไทป์ต่างๆ และสร้างมุมมองภาพที่มีความแท้จริงของแนวคิดต่างๆ มากขึ้น เช่น เพศ, LGBTQ, ศาสนา, เชื้อชาติ, ความเจ็บป่วยทางจิต และความทุพพลภาพผ่านสื่อ โฆษณา และโซเชียลมีเดีย ภาพมีพลังในการกำหนดแนวคิด และเราเชื่อว่าภาพมีพลังที่จะขับเคลื่อนโลกเช่นกัน – ภาพสามารถยกระดับการเล่าเรื่องอันหลากหลายที่สามารถเปลี่ยนแปลงการรับรู้ ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และสร้างกลุ่มชุมชนขึ้นได้แคมเปญ Reinterpret Your Moment ของ OPPO มุ่งเน้นไปที่ช่างภาพ Custom Content ของเราที่สร้างมุมมองที่แท้จริงเกี่ยวกับความเป็นพ่อ โลกใหม่ของการทำงาน อายุ ผู้หญิง และความสำเร็จครั้งใหม่ที่จะท้าทายความคิดแบบสเตอริโอไทป์ และยังสะท้อนถึงสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเห็นอีกด้วย” Kate Rourke Head of Creative Insights, APAC กล่าว


ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในฟีเจอร์ด้านภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพสูงบนสมาร์ตโฟน โดย OPPO ได้มีการลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นพื้นฐานเพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพขั้นสูงบนอุปกรณ์ ในฐานะที่เป็นซีรีส์แฟลกชิประดับไฮเอนด์ของ OPPO Find X series ได้แสดงถึงจุดสูงสุดของ OPPO ในการช่วยให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ผ่านฟีเจอร์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพ


เยี่ยมชมหน้าออฟฟิเชียล Instagram ของ OPPO เพื่อดูภาพจากแคมเปญและค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเองเพื่อ Reinterpret Your Moment ในแบบของคุณ


ติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/3IjY5iW

Samsung เปิดตัว Galaxy M53 5G พร้อมส่งโปรพิเศษสำหรับ Galaxy M Series

 


ซัมซุง ส่งโปรพิเศษ Galaxy M Series พร้อมเปิดตัว Galaxy M53 5G

สมาร์ทโฟนแรงคุ้มเต็ม Max มาครบทั้งกล้องเทพ สเปคทรงพลัง จอใหญ่คมชัดเต็มตา
ในราคาเพียง
12,499 บาท เฉพาะวันที่ 1 – 15 มิถุนายนนี้เท่านั้น!




จัดเต็มครบทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งกล้องคุณภาพแน่นคมชัดครบทุกเลนส์ ชิปเซ็ตเร็วแรงใช้งานได้อย่าง
ไหลลื่น หน้าจอสีสดใสใหญ่เต็มตา และแบตเตอรี่แบบจุใจ พร้อมตัวเลือกโทนสีเรียบล้ำทันสมัย กับดีลสุดพิเศษเมื่อสั่งซื้อ
Galaxy M53 5G ในราคา 12,499 บาท พร้อม ดีลสุดคุ้ม เมื่อซื้อสมาร์ทโฟน Galaxy M Series ระหว่างวันที่ 1 – 15 มิถุนายน 2565 ผ่านทาง samsung.com, Lazada, Shopee และ JD Central รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท


Galaxy M53 5G ถ่ายรูปเก๋ทุกมุมเพราะมีกล้องถึง 4+1 ตัว

ถ่ายรูปสวยคมชัดครบทุกระยะ เก็บครบทุกโมเมนต์ประทับใจ ด้วยกล้อง 4+1 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัง 4 ตัว ครบทุกเลนส์ เริ่มตั้งแต่กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้อง Dept ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 1 ตัว
ความละเอียด
32 ล้านพิกเซล เพื่อการเซลฟี่ที่สวยยิ่งกว่า พร้อมอัปโหลดภาพสวยอวดชาวโซเชียลแบบรัวๆ

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสนุกด้วยฟีเจอร์สุดว้าว ไม่ว่าจะเป็น Portrait Mode ที่ถ่ายภาพบุคคลได้อย่างโดดเด่นพร้อมเลือกเปลี่ยนสไตล์พื้นหลังได้ตามใจ Single Take ที่ถ่ายออกมาได้หลากหลายรูปแบบเพียงกดชัตเตอร์ครั้งเดียว หรือจะเพิ่มความสนุกด้วยการใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์แบบต่างๆ ใน Fun Mode ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ Photo Remaster ที่จะคืนความสดใสให้ภาพเก่ากลับมาเหมือนใหม่ ด้วยการตั้งค่าแสงและความละเอียดของภาพได้ตามต้องการ รวมถึงฟีเจอร์ Object eraser ที่จะลบภาพพื้นหลังที่ไม่ต้องการให้ออกไปได้ในทันที โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่ม

 

สเปคเร็วแรงเชื่อมต่ออย่างไหลลื่นด้วยชิปเซ็ต MediaTek D900

Galaxy M53 5G มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek D900 ขนาด 6 นาโนเมตร ที่มอบการเชื่อมต่อ 5G ได้แบบเร็วแรง
อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง ใช้งานได้แบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเล่นเกม ถ่ายไลฟ์สตรีม อัปโหลดวิดีโอ หรือดาวน์โหลดข้อมูลได้รวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดไฟล์ ด้วยความจุ
128 กิกะไบต์ ที่สามารถเพิ่มการ์ดความจำภายนอกได้ถึง 1 เทราไบต์ และยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถดึงพื้นที่บางส่วนจาก ROM มาเพิ่มให้กับ 
RAM ได้ในรูปแบบหน่วยความจำเสมือน ทำให้ดาวน์โหลดคอนเทนต์ความบันเทิงเก็บไว้ได้เแบบจุใจหรือบันทึกข้อมูลเพื่อใช้งานด้านอื่นๆ ที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน


 

หน้าจอใหญ่สีสด ขอบจอบาง เต็มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์

เต็มอิ่มตระการตาในทุกคอนเทนต์กับหน้าจอใหญ่ขนาด 6.7 นิ้ว FHD+ Super AMOLED+ Display มอบสีสดใสคมชัดแม้อยู่กลางแจ้ง พร้อมขอบจอบางช่วยเพิ่มพื้นที่ในการมองเห็น เปลี่ยนมุมมองการรับชมให้เต็มอิ่มกว่าที่เคย และไปต่อให้สุดด้วยอัตราการรีเฟรช 120Hz มอบการใช้งานที่ไหลลื่นไม่มีขัดใจ มาในดีไซน์ตัวเครื่องเพรียวบางเพียง 7.4 มิลลิเมตร อีกทั้งยังใช้งานได้ยาวนาน รับชมวิดีโอได้ต่อเนื่องสูงสุด 19 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ใหญ่ 5,000 มิลลิแอมป์ พร้อมการชาร์จไว 25 วัตต์ ที่สามารถชาร์จได้ 50% ภายใน 30 นาที(เมื่อใช้ร่วมกับที่ชาร์จขนาด 25W ซึ่งมีวางจำหน่ายแยก) รวมถึง AI Adaptive Power Saving ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานกว่าเดิม

 

Galaxy M53 5G มาพร้อมกับตัวเลือก 3 สี ได้แก่ น้ำเงิน น้ำตาล และ เขียว วางจำหน่ายในราคาสุดคุ้มเพียง 13,999 บาท ติดตามรายละเอียดและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ทาง https://cutt.ly/cJ282Qv


พิเศษกับดีลสุดคุ้ม เมื่อซื้อสมาร์ทโฟน Galaxy M Series ระหว่างวันที่ 1 – 15 มิถุนายน 2565 ผ่านทาง samsung.com, Lazada, Shopee และ JD Central รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท ประกอบด้วย

·      Galaxy M53 ในราคา 12,499 จากราคาปกติ 13,999 บาท พร้อมรับของแถมมูลค่าสูงสุด 2,389 บาท

·      Galaxy M33 ในราคา 7,999 จากราคาปกติ 10,999 บาท

·      Galaxy M23 ในราคา 6,999 จากราคาปกติ 8,999 บาท

ซัมซุงชวนเยาวชนไทยร่วมประกวดออกแบบนวัตกรรม ผ่านโครงการ Solve for Tomorrow 2022 ชิงทุนการศึกษามูลค่ากว่า 9 แสนบาท

 

บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จัดโครงการ Samsung Solve for Tomorrow 2022 ชวนเยาวชนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 – 5 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 – 2 ร่วมประกวดออกแบบนวัตกรรม ภายใต้หัวข้อ “Innovation for Sustainable Communities, Good Health and Well-being” โดยประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ (STEM) ในการนำเสนอโซลูชันเพื่อพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่ง 20 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับโอกาสเข้าร่วมเวิร์คชอปกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับเงินสนับสนุนในการพัฒนาโซลูชันต้นแบบ (Prototype) รวมถึงเงินรางวัลและแท็บเล็ตซัมซุงสำหรับ 3 ทีมผู้ชนะ มูลค่ารวมกว่า 900,000 บาท


ทั้งนี้ โครงการ Samsung Solve for Tomorrow คือโครงการประกวดออกแบบนวัตกรรมระดับสากลของซัมซุงจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานเป็นทีม อันเป็นทักษะสำคัญแห่งยุค ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีเยาวชนเข้าร่วมกว่าสองล้านคน จาก 35 ประเทศทั่วโลก ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการมาร่วมทศวรรษ


ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงจัดโครงการ Samsung Solve for Tomorrow ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท ทีอีเอสอาร์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม ในการร่วมพัฒนาโครงการ ตลอดจนจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ และให้คำปรึกษาด้านเทคนิคกับผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นโซลูชันที่จับต้องได้และตอบโจทย์

ความต้องการของสังคมในที่สุด


 


สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดในโครงการ Samsung Solve for Tomorrow จะต้องจัดทีมที่ประกอบด้วยนักเรียน 4 คน และอาจารย์ที่ปรึกษา 1 ท่านจากสถานศึกษาเดียวกัน โดยสามารถอ่านรายละเอียด พร้อมส่งใบสมัครออนไลน์และลิงก์วิดีโอนำเสนอผลงาน ได้ที่ www.solvefortomorrow.in.th ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2565 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร หรือติดตามที่เฟซบุ๊คเพจ Samsung Together for Tomorrow