ป้ายกำกับ

ZTE กลับมาอีกครั้ง คราวนี้บุกตลาดในประเทศไทย ด้วยการส่งสมาร์ทโฟน 5 รุ่น ครอบคลุมตลาดผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนและตลาดระดับกลาง


 
การกลับมาครั้งนี้ ZTE ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 5% ภายใน ปีจากนี้ ด้วยสมาร์ทโฟนทั้งจาก ZTE นูเบีย (Nubia) และ Redmagic พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ รุ่น ZTE Blade A31plus, ZTE Blade A51ZTE Blade V30 Vita, Axon 30 5และ Redmagic 7 ราคาเริ่มต้นเพียง 2,599 บาท



โดย ZTE ผนึกกำลัง 2 ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ ทั้งบริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด จากกลุ่ม เบญจจินดา ร่วมกันกระจายสมาร์ทโฟน ZTE ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ


ZTE ได้เปิดตัว 5 มาร์ทโฟน ใหม่ล่าสุด

1. ZTE Blade A31 Plus จอใหญ่ขนาด 6 นิ้ว กล้องหลัก 8MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3000mAรองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน RAM 2GB ROM 32 GB ราคา 2,599 บาท




2. ZTE Blade A51 จอใหญ่ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ กล้องหลัง ตัว ความละเอียด 13MP + 2MP พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3200mAรองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน Ram 3GB ROM 64 GB ราคา 3,699 บาท




3. ZTE Blade v30vita จอใหญ่ขนาด 6.75 นิ้ว 90Hz ความละเอียด HD+ จอหยดน้ำ กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 48MP + 2MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 6000 mAh รองรับการชาร์จ 22.5W ชาร์จไว รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT รุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 64 GB ราคา 4,999 บาท และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 128 GB ราคา 5,299 บาท




4. Axon 30 5G จอใหญ่ขนาด 6.92 นิ้ว FHD+ AMOLED ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon 870 ระบบปฏิบัติการ ZTE MyOS11 บน Android 11 กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64MP + 8 MP + 5MP + 2MP พร้อมแฟลช กล้องหน้า 16MP แบตเตอรี่ 4200 mAh รองรับการชาร์จไว 55W 2 ซิม (Nano SIM) 5G ซึ่งาดว่าจะนำมาจำหน่ายทั้งรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 8GB RAM 128 GB และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 12GB RAM 256 GB ราคาประมาณ 12,990 บาท และ 17,990 บาท ตามลำดับ




5. Redmagic จอใหญ่ขนาด 6.8 นิ้ว  มีความเร็วในการเปลี่ยนภาพของหน้าจอถึง 165Hz พร้อมความเร็วในการตอบสนองต่อการกดของหน้าจอที่ 720 Hz ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon Gen 1 และมีระบบระบายความร้อนตัวเครื่อง แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W 2 ซิม (Nano SIM) ที่เหมาะกับสายเกมเมอร์ มี รุ่น คือ

รุ่น SUPERNOVA - RAM 18GB / ROM 256GB ราคาประมาณ 31,990 บาท
รุ่น PULSAR - RAM 166GB / ROM 256GB ราคาประมาณ 28,990 าท
รุ่น OBSIDIAN - RAM 12GB / ROM 128GB ราคาประมาณ 24,990 บาท

วิธีตั้งค่าแอพฯ Bixby routines เพื่อ ปิดเสียงกล้อง และ ปิด5G(ชั่วคราว) สำหรับมือถือ Samsung

 วิธีตั้งค่าแอพฯ Bixby routines เพื่อ ปิดเสียงกล้อง และ ปิด5G(ชั่วคราว)

ก่อนอื่น งดดราม่า เรื่องปิด 5G เพื่อแก้ขัดปัญหา #กล้องผิดพลาด สำหรับ Galaxy S22 Ultra เพราะวิธีนี้ทำเพื่อแก้ขัดเท่านั้น ยังไงก็ต้องรออัพเดตแก้ไขปัญหาเรื่องกล้องผิดพลาดจาก samsung อยู่ดี ใครไม่อยากทำก็ข้ามไปเลยค่ะ


วิธีทำ
1 หาแอพฯที่ชื่อว่า Bixby Routines(หาไม่เจอใช้วิธี search แล้วพิมพ์ชื่อแอพฯก็ได้)
2. เมื่อเข้าแอพฯแล้วให้เลือกที่ Add routine

3. ที่หัวข้อ IF ให้แตะที่รูป Add what will trigger this routine
4. เลือกหาเมนู App opened เพื่อที่จะเลือกแอพฯกล้อง


5. เลื่อนหาแอพฯกล้อง เจอแล้วให้ติ๊กเลือกเลย แล้วกด Done
6. สำหรับปิดเสียงกล้องให้เลือก Do not disturb
6.1 สำหรับปิด 5G ให้เลือก Connections




7. ถ้าจะปิด 5G ให้เลือกที่ Network mode
8. เสร็จแล้วเลือกหัวข้อที่ 2 คือการสลับมาใช้ 4G/3G/2G เมื่อเราใช้งานกล้อง - เสร็จแล้วกด Done



9. หน้านี้จะแสดงเงื่อนไขที่เราตั้ง จากรูปคือ
ถ้า เปิดกล้อง ให้ "เข้าโหมดห้ามรบกวน และ "สลับมาใช้4G" หากออกจากโหมดกล้อง จะคืนค่ากลับทั้งหมด
- เมื่อเราโอเคกับค่าที่ตั้งแล้ว ก็กดที่ Next

10. ตั้งชื่อกิจกรรมนี้ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ save



หากใครตั้งอย่างใดอย่างหนึ่งไว้อยู่แล้ว แล้วต้องการเพิ่มในเงื่อนไขเดียวกัน

เช่น ตั้งเปิดกล้องและปิดเสียง ไว้อยู่แล้ว อยากเพิ่ม เปิดกล้องและปิด5G ชั่วคราว ในขั้นตอนที่ 2 ให้เลือกที่หัวข้อ กล้องถ่ายรูปที่ตั้งไว้แล้ว แล้วเลือกที่ Edit แล้วก็ใส่เงื่อนไขเพิ่มเข้าไป



เมื่อเพิ่มเงื่อนไขเสร็จก็กดที่ Next เพื่อบันทึกิจกรรมที่ตั้งค่าไว้ให้เรียบร้อย
ใครที่รำคาญปัญหากล้องผิดพลาด ลองใช้วิธีนี้ดูค่ะ

พาส่อง ‘AL RIHLA’ ลูกฟุตบอลประจำการแข่งขัน ฟีฟ่า เวิลด์คัพ กาตาร์ 2022”

 

  • อาดิดาสได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 14 แล้ว สำหรับการผลิตลูกฟุตบอลให้กับการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ในอากาศได้เร็วกว่าลูกฟุตบอลอื่นๆ เพื่อตอบสนองความเร็วของการแข่งขันในระดับสูงสุด
  • 1% ของยอดขายหลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปใช้ในการดำเนินการขององค์กร Common Goal เพื่อพัฒนาสังคมและส่งเสริมกลุ่มนักฟุตบอลระดับรากหญ้าจากทั่วทุกมุมโลก
  • ลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา จะเริ่มต้นเดินทางสู่ 10 เมืองทั่วโลก เพื่อตอกย้ำจุดยืนของอาดิดาสในการพัฒนาโอกาสการเข้าถึงและความเท่าเทียมกันในการเล่นกีฬาฟุตบอลในทุกท้องถิ่นทั่วโลกผ่านกิจกรรมต่างๆ


อาดิดาส
 เปิดตัวลูกฟุตบอล อัล ริห์ลา (Al Rihla) สำหรับการแข่งขันฟีฟ่า เวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 โดยครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องครั้งที่ 14 ที่อาดิดาสได้ผลิตลูกฟุตบอลให้กับการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งผ่านการออกแบบขึ้นมาให้สามารถเคลื่อนที่ในอากาศได้เร็วกว่าลูกฟุตบอลลูกอื่นๆ ที่เคยใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก เพื่อตอบสนองความเร็วของการแข่งขันในระดับสูงสุด

 

ฟรานซิสก้า ลอฟท์เฟลแมน ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ ฟุตบอลกราฟิกและหมวกของอาดิดาส “เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลในยุคปัจจุบันมีการยกระดับความเร็วในการเล่นสูงขึ้น จึงทำให้คุณสมบัติด้านความแม่นยำและเสถียรภาพขณะเคลื่อนที่อยู่ในอากาศกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งมหกรรมการแข่งขันระดับโลกครั้งนี้ ที่ถือว่ามีความยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกีฬา เราก็ได้นำเอานวัตกรรมพิเศษมาใช้ในการสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น ผลที่ได้ก็คือลูกฟุตบอล อัล ริห์ลา ที่มีความรวดเร็วและความแม่นยำสูงสุดนั่นเอง





อาดิดาสได้นำข้อมูลจากผลการทดสอบอย่างละเอียดในห้องทดลองของอาดิดาสอุโมงค์ลม และสนามแข่งขัน มาใช้ในการออกแบบลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา ให้มีคุณสมบัติความแม่นยำสูงสุดเมื่อใช้งานในสนามแข่งขัน โดยมีชิ้นส่วนและพื้นผิวสัมผัสที่ถูกออกแบบใหม่จากภายในสู่ภายนอก ดังนี้

  • CTR-CORE – แกนกลางแบบใหม่ที่อยู่ภายในลูกบอลที่มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ความมั่นคง และความเร็วในการเล่น ด้วยรูปทรงและการกักเก็บอากาศสูงสุด

 

  • SPEEDSHELL – พื้นผิวลูกฟุตบอลทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Polyurethane) มีผิวสัมผัสขนาดเล็กบนชิ้นส่วนรูปแบบใหม่จำนวน 20 ชิ้น ช่วยพัฒนาความแม่นยำ เสถียรภาพของการเคลื่อนที่ในอากาศ และการยิงลูกฟุตบอลแบบโค้งให้ดียิ่งขึ้น

นอกเหนือจากนี้ ลูกฟุตบอล “อัล ริห์ลา” ยังถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้น้ำหมึกและกาวที่มีส่วนประกอบจากน้ำเป็นหลัก  จึงนับเป็นลูกฟุตบอลลูกแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ใช้การผลิตในลักษณะนี้

 

สำหรับสีสันและลวดลายที่สวยงามสะดุดตาแสดงถึงความเร็วและความเข้มข้นของการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นความตื่นเต้นให้แก่นักฟุตบอลทุกระดับและแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลก ตัดกับสีหลักของพื้นผิวลูกฟุตบอลที่มีความแวววาวราวผิวของไข่มุกได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ




คำว่า “Al Rihla” นั้นมาจากภาษาอาหรับ มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า “The Journey” หรือการเดินทาง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรม รูปทรงของเรือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และธงประจำชาติกาตาร์ โดยลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา มีกำหนดออกเดินทางไปยัง 10 เมืองทั่วโลก โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาโอกาสในการเข้าถึงและความเท่าเทียมในวงการกีฬาให้เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่น เริ่มจากการเปิดตัวที่กาตาร์ร่วมกับสองตำนานนักฟุตบอลระดับโลกอย่าง อิเกร์ กาซิยาส และ กาก้า รวมถึงนักฟุตบอลอย่าง ฟาราห์ เจฟฟรี (Farah Jeffry) และ นูฟ อัล อันซี (Nouf Al Anzi) ซึ่งจะลงสนามร่วมกับนักฟุตบอลหญิงชื่อดังจากหลายประเทศ อาทิ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และผู้เล่นเยาวชนดาวรุ่งจากหลากหลายอคาเดมี

 

ลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา มีกำหนดการเปิดตัวบนสนามแข่งขันที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ และจะมีการขนย้ายไปที่เมืองริยาด เพื่อมอบให้กับทีม Challenge FC ทีมแรกที่คว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลหญิงประเภทลีกของซาอุดิอาระเบีย เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับทีมนี้ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนสนามฝึกซ้อม


 

สำหรับการเปิดตัวลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา ในประเทศกาตาร์ ถือเป็นการเริ่มต้นการเดินทางของความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น โดยที่ลูกฟุตบอลลูกนี้จะถูกนำไปยังเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของโอกาสการเข้าถึงและความเท่าเทียมในการเล่นกีฬาในชุมชนต่างๆ อาทิ ดูไบโตเกียวเซี่ยงไฮ้เม็กซิโก ซิตี้ หรือ นิวยอร์ค และเมืองอื่นๆ อีกมากมาย

 

นิค แคร็กส์ ผู้จัดการทั่วไปของอาดิดาส ฟุตบอล กล่าวว่า “อาดิดาสเชื่อว่ากีฬาเป็นของทุกคน ซึ่งเราได้ให้มุ่งมั่นและทุ่มเทพัฒนาให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงและความเท่าเทียมในกลุ่มนักฟุตบอลระดับโลก ซึ่งการเดินทางของลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญา ในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนสำหรับนักฟุตบอลทุกระดับ นอกจากนี้ พวกเรายังรู้สึกภาคภูมิใจที่จะได้ร่วมมือกับ Common Goal โดยจะหัก 1% ของยอดขายสุทธิเพื่อนำไปสนับสนุนการดำเนินการต่างๆ โดยใช้กีฬาฟุตบอลผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและผลลัพธ์ที่ดีสำหรับเยาวชนทุกคน

 

ลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา ถือเป็นลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกลูกแรกในรอบ 92 ปี ที่จะมีการระดมทุนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในระดับโลก โดย 1% ของยอดขายสุทธิของลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา จะถูกมอบให้กับการดำเนินการต่างๆ ขององค์กร Common Goal



 

ลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา ราคา 5,000 บาท วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม – 12 เมษายน 2565 ที่อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์อาดิดาส แอปพลิเคชันอาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ www.adidas.co.th และ ช่องทาง LINE: @adidasthailand และจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2565 เป็นต้นไป ที่ อาริ ฟุตบอลซูเปอร์สปอร์ตและร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำทั่วประเทศ

 

ร่วมพูดคุยและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook www.facebook.com/adidasTH และ Instagram @adidasthailand และ @adidasfootball หรือที่แฮชแท็ก #adidasfootball #FIFAWorldCup #ImpossibleIsNothing และ #adidasThailand

Spotify เปิดตัวฟีเจอร์ Blend ใหม่เพื่อให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับเพื่อนๆ คนที่รัก และแม้แต่ศิลปินอย่าง BTS ได้ด้วย

 


Spotify กำลังขยายฟีเจอร์ Blend ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้ในประเทศไทยและทั่วโลกสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ร่วมกันได้ด้วยสองฟีเจอร์ใหม่ได้แก่:

 

  • Blend กับศิลปินที่คุณชื่นชอบรวมถึง BTS การเชื่อมโยงศิลปินและแฟนๆ ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานจะสามารถผสมผสานรสนิยมทางดนตรีของพวกเขากับศิลปินได้ถึง 20 คน ใน Blend ในระยะแรกนี้ 
  • สร้างเพลย์ลิสต์ Blend ได้ถึง 10 คน ก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถรวบรวมเพลย์ลิสต์กับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวได้ครั้งละหนึ่งคน แต่เริ่มตั้งแต่วันนี้ ผู้ใช้จะสามารถขยายผู้ร่วมสร้างเพลย์ลิสต์ Blend ได้ถึง 10 คนในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักดนตรี เพื่อนสนิท หรือครอบครัวที่เลือกเอง

 

เชื่อมต่อกับดนตรีอย่างลึกซึ้ง

 

Spotify Blend ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2564 ได้รวมความสามารถในการให้บริการเฉพาะบุคคลของแพลตฟอร์มและฟังก์ชันการสร้างเพลย์ลิสต์ที่ร่วมกันเข้าไว้ในหนึ่งเพลย์ลิสต์เดียวที่ดีที่สุด ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ ค้นพบ และสร้างความผูกพันกับเพลงที่พวกเขาชื่นชอบได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้พรีเมียมผู้รักเสียงเพลงสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนตัวได้ในสามขั้นตอนง่ายๆ –

 

  1. สร้าง + เชิญ (Create + Invite): เพียงค้นหา "ผสมผสาน (Blend)" ภายในแท็บ "ค้นหา" บน Spotify จากนั้นแตะ "เชิญ" เพื่อเลือกคนที่จะ Blend ด้วย
  2. ผสมผสาน (Blend): เมื่อเพื่อนของคุณยอมรับคำเชิญแล้ว Spotify จะสร้างเพลย์ลิสต์ Blend ของคุณ ซึ่งจะรวมเพลงและคำแนะนำที่สะท้อนถึงความชอบและรสนิยมทางดนตรีของทุกคน คุณยังสามารถดูได้แม้กระทั่งว่าเพลงไหนถูกเพิ่มให้เพื่อนคนไหน
  3. ฟัง + แชร์ (Listen + Share): หลังจากที่ทุกคนเข้าร่วมเพลย์ลิสต์ที่ทำงานร่วมกันแล้ว คุณและเพื่อนๆ จะได้รับการ์ดแชร์แบบเฉพาะที่คุณสามารถใช้เพื่อนำไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย

 

ให้แฟนๆได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบมากขึ้น

 

ผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อกับศิลปินคนโปรดอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถสร้างเพลย์ลิสต์ Blend กับศิลปินชั้นนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงBTSAB6IXCharli XCXKacey MusgravesLauvMegan Thee StallionMimi WebbTai VerdesXamãCamiloDiploAngèleBadshahKim LoaizaCROBenjamin Ingrosso และ Bennett Coast.

 

ในการเริ่มต้น Blend เพียงคลิกที่ลิงก์ด้านบนและเพลย์ลิสต์จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้จะได้รับแชร์การ์ดที่แสดงความชอบในการฟังที่เกี่ยวโยงกับศิลปินและเพลงที่นำพวกเขาและไอดอลของพวกเขามารวมกัน สิ่งเหล่านี้สามารถถูกแชร์โดยตรงไปยัง Instagram, Facebook, Snapchat หรือ Twitter

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Spotify For The Record ที่นี่

หัวเว่ยส่งไลน์อัป HUAWEI MateBook D series ล่าสุด! จอใหญ่เต็มตา ชูฟีเจอร์เด่น HUAWEI Super Device อัปเกรดเต็มรูปแบบสู่การทำงานอัจฉริยะ

 


หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดตัวแล็ปท็อปฟูลอัปเกรดล่าสุดจากตระกูล HUAWEI MateBook D Series ไลน์ผลิตภัณฑ์สำหรับคนเจเนอเรชันใหม่ในราคาสบายกระเป๋า ได้แก่ HUAWEI MateBook D 15 New แล็ปท็อปรุ่นคุ้มจอใหญ่สบายตาพกพาสะดวก และ HUAWEI MateBook D 14 New แล็ปท็อปบางเบาสุดคล่องตัว ทั้งสองรุ่นอัปเกรดขุมพลังใหม่ด้วยหน่วยประมวลผล 11th Gen Intel® แรงเร็วยิ่งกว่าเดิมเพื่อการทำงานที่ฉับไวของคนรุ่นใหม่ พร้อมรองรับฟีเจอร์ใหม่ HUAWEI Super Device ที่เข้ามายกระดับแล็ปท็อปสู่ศูนย์กลางการเชื่อมต่อแบบสมาร์ทออฟฟิศ มอบประสบการณ์การทำงานที่อัจฉริยะอย่างรอบด้าน



หัวเว่ยทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนามาโดยตลอด เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างครบวงจร ยกระดับการทำงานข้ามสมาร์ทดีไวซ์ให้ลื่นไหล สานต่อคอนเซปต์ “ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ” หรือ Seamless AI Life โดยล่าสุดเมื่องาน HUAWEI Spring 2022 Smart Office Launch ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หัวเว่ยก็ได้เผยเทคโนโลยี HUAWEI Super Device[1] ซึ่งนับเป็นการก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่ของสมาร์ทออฟฟิศ หรือการทำงานอย่างอัจฉริยะโดยมีแล็ปท็อปของหัวเว่ยเป็นศูนย์กลาง เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มอนิเตอร์ และสมาร์ทวิชั่นของหัวเว่ยได้ผ่านอินเทอร์เฟซ “ลากเพื่อเชื่อมต่อ” บน control panel ของแล็ปท็อป ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สะดวกสบาย ส่วนด้านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ หัวเว่ยก็มีฟีเจอร์ Pop-Up Pairing[2] ที่จะปรากฏหน้าจอเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อพบอุปกรณ์ IoT อยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สาย ลำโพง เมาส์ หรือคีย์บอร์ดบลูทูธ และฟีเจอร์ล้ำๆ เหล่านี้ก็พร้อมให้ได้ลองสัมผัสประสบการณ์การทำงานแห่งโลกอนาคตแล้วใน HUAWEI MateBook D 15 New และ HUAWEI MateBook D 14 New



HUAWEI MateBook D 15 New แล็ปท็อปจอใหญ่ 15.6 นิ้ว เป็นมิตรต่อสายตา ตอบโจทย์รอบด้านในเครื่องเดียว

หน้าจอขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว การันตีความคุ้มค่าของพื้นที่แสดงผลด้วยการออกแบบที่เรียกว่า HUAWEI FullView Display ขอบจอบางเพียง 5.3 มม. ทำให้สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 87% หน้าจอได้รับมาตรฐาน TÜV Rheinland Certified ว่าช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและลดแสงกะพริบของหน้าจอ HUAWEI MateBook D 15 New จึงเป็น
แล็ปท็อปที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียน ทำงาน และท่องโลกอินเทอร์เน็ต แถมยังอัปเกรดให้ใช้งานลื่นไหลแม้ประมวลผลต่อเนื่องยาวนานด้วยขุมพลัง
 11th Gen Intel® CoreTM i5-1135G7 ชิปเซ็ตทรงพลังเจเนอเรชันล่าสุดจาก Intel ตัวบอดี้เลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมที่คงทนแต่น้ำหนักเบา ดังนั้นแม้เป็นแล็ปท็อปที่ขนาดจอใหญ่ แต่ก็น้ำหนักเพียง 1.56 กก. สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ ได้อย่างคล่องตัว

 

HUAWEI MateBook D 14 New แล็ปท็อปบอดี้บางเบาเพื่อไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง

ศูนย์กลางการทำงานของคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมฉีกกฎการทำงานแบบเดิมๆ สู่การทำงานที่คล่องตัว HUAWEI MateBook D 14 New มาพร้อมหน้าจอแบบ HUAWEI FullView Display สัดส่วนกว้างถึง 84% ของตัวเครื่อง ผ่านการรับรองโดย TÜV Rheinland Certified ว่าช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตาและลดแสงกะพริบของหน้าจอ อัปเกรดใหม่ด้วยนวัตกรรมล่าสุด 11th Gen Intel® ชิปเซ็ตขนาด 10 นาโนเมตร เร็วแรงเข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลที่ทำงานแข่งกับเวลาอยู่เสมอ ใช้วัสดุอลูมิเนียมที่นอกจากทนทานแล้วยังให้ดีไซน์ที่เรียบหรู บอดี้บาง เบา น้ำหนักเพียง 1.38 กก. เหมาะกับการพกพาติดตัวไปทุกที่ และยังสามารถกางหน้าจอได้เกือบ 180 องศา เพื่อการใช้งานที่สะดวกทุกอิริยาบถ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 56Wh ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 10.5 ชั่วโมง[3] หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดก่อนใช้งานเสร็จในแต่ละวัน





HUAWEI MateBook D Series ทั้งสองรุ่นมาพร้อมปุ่มเปิดปิดเครื่องแบบ Fingerprint Power Button ซึ่งทำหน้าที่อ่านลายนิ้วมือ สแกนปลดล็อกเข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็วในปุ่มเดียว ดีไซน์กล้องแบบ Recessed Camera ซ่อนไว้ใต้ปุ่มคีย์บอร์ด ช่วยเสริมความปลอดภัยขึ้นอีกระดับ นอกจากนี้ยังใช้ระบบระบายความร้อนด้วยใบพัด HUAWEI Shark Fin ที่เสริมประสิทธิภาพให้เครื่องประมวลผลได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่ทำงานช้าลง รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 สุดล้ำ และใช้พอร์ต Type-C ที่สามารถใช้สายชาร์จร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างเป็นสากล พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge™ ร่วมกับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยได้ด้วย โดย HUAWEI MateBook D Series มาพร้อมการชาร์จไฟสูงสุด 65W และแน่นอนว่ารองรับฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง HUAIWEI Super Device มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ที่ลื่นไหลไร้รอยต่อ





HUAWEI MateBook D Series ทั้งสองรุ่นมาในสี Mystic Silver วางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคาเริ่มต้นที่ 22,990 บาท โดยมีตัวเลือกตามสเปกดังต่อไปนี้

  • HUAWEI MateBook D 1New รุ่น i5 11th Gen 8GB+256GB ราคา 22,990 บาท
  • HUAWEI MateBook D 1New รุ่น i5 11th Gen 8GB+512GB ราคา 24,990 บาท
  • HUAWEI MateBook D 14 New รุ่น i5 11th Gen 8GB+512GB ราคา 24,990 บาท
  • HUAWEI MateBook D 14 New รุ่น i5 11th Gen 16GB+512GB ราคา 27,990 บาท




ใครที่มองหาแล็ปท็อปเครื่องแรก หรือต้องการแล็ปท็อปที่สเปกดีและราคาคุ้มแบบครบจบในเครื่องเดียวไว้คู่มือคู่ใจไม่ว่าจะเรียน ทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง สามารถเป็นเจ้าของก่อนใครพร้อมโปรโมชันสุดคุ้ม รับฟรีสายรัดข้อมืออัจฉริยะ HUAWEI Band 6 และกระเป๋าสะพาย HUAWEI Backpack มูลค่ารวม 2,989 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าภายในวันที่ 25 มีนาคม 2565 ถึง 15 เมษายน 2565 ที่ เว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน ShopeeLazada และ JD Central รวมถึงหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่นี่

 

ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery

 

#HUAWEIMateBookD #SuperDeviceSuperCreativity


[1] รองรับการใช้งานกับ HUAWEI P50 Pro หรือสมาร์ทโฟนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ขึ้นไป

HUAWEI MateBook D หรือ แล็ปท็อปรองรับ PC Manager 12.0.2 ขึ้นไป

HUAWEI MatePad 11 หรือแท็บเล็ตที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Harmony OS เวอร์ชั่นล่าสุด

HUAWEI MateView ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS พร้อมเฟิร์มแวร์อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด HUAWEI Vision ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS เวอร์ชั่นล่าสุด

[2] รองรับการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเฉพาะในหูฟังบางรุ่นและแล็ปท็อปบางรุ่นที่ใช้ PC Manager 12.0.2 หรือใหม่กว่าเท่านั้น โดย HUAWEI FreeBuds 4 และ HUAWEI FreeBuds Pro เป็นหูฟังสองรุ่นแรกที่รองรับการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว ทั้งนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้ในรุ่นอื่นๆ ในอนาคต

 

[3] สำหรับการเล่นวิดีโอความละเอียด 1080p